ถ้าคุณเป็นคนที่เพิ่งหัดลงทุน และอยู่ในขั้นตอนการศึกษาหาข้อมูล ขอแนะนำให้รู้จักกับ “ตราสารหนี้” เพราะในโลกของการลงทุน ตราสารหนี้ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญซึ่งนักลงทุนไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้ดี ตราสารหนี้จึงเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่อยากเทรดแต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูง เพราะตราสารหนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับตราสารหนี้ก่อนการลงทุน รวบรวมรายละเอียด ข้อดี-ข้อเสีย อยากรู้ว่าควรลงทุนช่วงไหนควรอ่าน
ตราสารหนี้ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
ตราสารหนี้ คืออะไร
ตราสารหนี้ หรือ Bond เป็นสัญญาทางการเงินที่แสดงถึงการกู้ยืมเงิน โดยสถานะผู้ลงทุนก็คือเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสารหนี้คือก็คือลูกหนี้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผู้ซื้อตราสารหนี้เปรียบเสมือนเจ้าหนี้ ผู้ขายตราสารหนี้เปรียบเสมือนลูกหนี้ ผู้ขายตราสารหนี้มีหน้าที่ชำระเงินต้นคืนพร้อมกับดอกเบี้ยให้แก่ผู้ซื้อตราสารหนี้ และจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอ
ตราสารหนี้ มีอะไรบ้าง
ก่อนที่จะลงทุนควรทำความรู้จักกับตราสารหนี้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
- ตราสารหนี้เอกชน (Corporate Bond) หรือว่า หุ้นกู้ เป็นตราสารหนี้ที่ถูกออกโดยบริษัทเอกชน เพื่อระดมทุนเพื่อการขยายกิจการ ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่มักจะถูกกว่าการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และจะมีการกำหนดระยะเวลาออก
- ตราสารหนี้ภาครัฐ (Government Bond) หรือว่า พันธบัตร เป็นตราสารหนี้ที่ถูกออกโดยภาครัฐ ได้แก่ หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล กระทรวง รัฐวิสาหกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย
ลงทุนตราสารหนี้มี ข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง
แนะนำให้ลองศึกษาข้อดี และข้อเสียของการลงทุนตราสารหนี้ ก่อนการตัดสินใจเพื่อประเมินความเสี่ยง และเปรียบเทียบก่อนการลงทุน โดยข้อดี และข้อเสียของตราสารหนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อดีของการลงทุนตราสารหนี้
- ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ หากคุณต้องการลงทุนโดยได้ผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอ ตราสารหนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นระยะ ซึ่งถือเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน
- ความเสี่ยงต่ำ จุดเด่นที่ทำให้ตราสารหนี้น่าสนใจก็คือความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราสารหนี้ภาครัฐ เพราะมีผลตอบแทนแน่นอน มีความผันผวนต่ำกว่าหุ้นบางประเภท
- ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี ในกรณีที่คุณมีเงินทุน และต้องการกระจายความเสี่ยง สามารถแบ่งเงินมาลงทุนตราสารหนี้เพื่อกระจายความเสี่ยงได้ แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือศึกษาก่อนการลงทุน
ข้อเสียของการลงทุนตราสารหนี้
- ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย เนื่องด้วยอัตราดอกเบี้ยจะมีความสัมพันธ์สวนทางกับราคาตราสารหนี้ เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้จะลดลง
- ผลตอบแทนต่ำ ถ้าคุณต้องการลงทุนตราสารหนี้ แนะนำให้ลองเปรียบเทียบราคาผลตอบแทน เพราะจะค่อนข้างต่ำกว่าการลงทุนหุ้นรูปแบบอื่น แต่ผลตอบแทนจะค่อนข้างแน่นอน
- มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราสารหนี้ที่มีเครดิตต่ำ มักจะเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ แนะนำให้เลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มีเครดิตดี ตั้งแต่ AAA - BBB-
ตราสารหนี้ระยะสั้น กลาง ยาว ต่างกันอย่างไร
ข้อดีของการลงทุนตราสารหนี้จะมีให้เลือกระหว่างระยะสั้น กลาง และยาว ซึ่งคุณสามารถเลือกลงทุนได้โดยเลือกระยะเวลาที่ตรงกับเป้าหมายของคุณ เนื่องจากตราสารหนี้แต่ละประเภทจะมีระยะเวลาครบกำหนดที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป ดังนี้
รายละเอียด |
ระยะสั้น |
ระยะกลาง |
ระยะยาว |
ระยะเวลา |
น้อยหรือเท่ากับ 1 ปี |
2-10 ปี |
10-30 ปี |
อัตราผลตอบแทน |
ต่ำกว่า |
สูงกว่าระยะสั้น |
สูงที่สุด |
ความเสี่ยงผิดนัดชำระ |
ขึ้นอยู่กับเครดิต |
ขึ้นอยู่กับเครดิต |
ขึ้นอยู่กับเครดิต |
สภาพคล่อง |
สูงกว่า |
ปานกลาง |
ต่ำกว่า |
อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้มีอะไรบ้าง
ความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตราสารหนี้จะถูกแบ่งออกเป็นระดับของเครดิต โดยจะไล่ตั้งแต่ AAA ไปจนถึง D ตามเครดิตน่าเชื่อถือสูงสุดเรียงไปจนถึงต่ำสุด ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- Investment Grade (กลุ่มระดับลงทุน) ประกอบไปด้วย AAA ที่เป็นลำดับสูงสุด และไล่ลงมาถึง BBB
- Speculative grade ประกอบไปด้วย BB จนไปถึงเครดิต D ซึ่งเป็นเกรดที่ต่ำที่สุดของตราสารหนี้
อย่างไรก็ตามอันดับของเครดิตถูกเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ อย่างเช่น ผลประกอบการประจำปี แผนการบริหารหรือพัฒนาองค์กร เป็นต้น แต่มีข้อยกเว้นสำหรับพันธบัตรหรือตราสารหนี้ของภาครัฐ ไม่มีการจัดอันดับเครดิต เพราะมีความน่าเชื่อถือสูง ความเสี่ยงของการผิดชำระหนี้จึงต่ำมากที่สุด ทำให้ไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk Free)
ลงทุนในตราสารหนี้ควรเลือกลงทุนช่วงไหนดี
หลักการของการลงทุนในตราสารหนี้ไม่ซับซ้อน เพียงแค่ถ้าดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ให้เลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และถ้าดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ให้เลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว หรือเน้นตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือที่เยอะ
ความน่าสนใจ และจุดเด่นของการลงทุนตราสารหนี้นั้นมีมากมาย โดยหลักแล้วคือความแน่นอน ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี และมีเครดิตไว้ช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุน ซึ่งนอกเหนือจากข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้นนี้ แนะนำให้นักลงทุนศึกษา วิเคราะห์ และวางแผนให้ดีก่อนตัดสินใจ สำหรับการลงทุนตราสารหนี้สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป
การลงทุนเป็นสิ่งที่ดี เพราะคุณจะได้มีรายได้มากขึ้น อีกทั้งการเทรดยังช่วยให้คุณได้ผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินในบัญชีฝากประจำ แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนตราสารหนี้ หรือหุ้นอื่นๆ จำเป็นต้องใช้เงินสด และเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน สมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถเบิกถอนเงินสดออกมาใช้ได้ทันใจ โดยสามารถเบิกถอนเงินสดจากวงเงินคงเหลือในบัตรเครดิต เผื่อใครสนใจอยากนำเงินไปลงทุนให้ทันเวลา เพราะเบิกถอนเงินสดได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ไม่ต้องทำเรื่องกู้ให้เสียเวลา แต่ถ้ายังไม่มีบัตรเครดิต KTC สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้เลยแบบไม่มีค่าใช้จ่าย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC