ในยุคที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว แต่เงินเดือนกลับเพิ่มขึ้นไม่ทัน หลายคนคงเคยเจอกับสถานการณ์ "เงินช็อต" ที่ต้องใช้จ่ายแต่เงินกลับหมดก่อนสิ้นเดือน บางคนอาจต้องพึ่งพาเพื่อนหรือครอบครัว แต่รู้ไหมว่ามีวิธีแก้ปัญหาเงินช็อตที่ง่ายและช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาวิกฤตนี้ได้แบบไม่ลำบากใจ วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ มาแชร์ รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะรู้วิธีจัดการเงินช็อตแบบมือโปร!
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เงินช็อตคืออะไร?
"เงินช็อต" หมายถึง การที่รายได้ของคุณไม่พอใช้จ่ายในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่มาแบบไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ซ่อมรถ หรือการจ่ายค่าบิลที่ลืมวางแผนไว้ สถานการณ์นี้มักเกิดขึ้นกับมนุษย์เงินเดือนวัยทำงาน ที่ต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและความต้องการส่วนตัว
สาเหตุที่ทำให้เกิดเงินช็อต
1. การวางแผนการเงินที่ไม่รอบคอบ
การที่ไม่จัดสรรเงินหรือวางแผนการเงินให้เหมาะสมระหว่างค่าใช้จ่ายประจำและเงินสำรองฉุกเฉิน ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณไม่มีเงินเพียงพอที่จะรับมือ ทำให้เกิดอาการเงินช็อตได้ง่าย ๆ
2. ใช้จ่ายเกินตัว
การใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า หรือการท่องเที่ยวบ่อยครั้ง อาจทำให้เงินเดือนหมดไปเร็วเกินไป ความสุข ความสนุกที่แลกมากับเงินช็อตระหว่างเดือน บอกเลยว่าไม่คุ้มค่ากันแน่นอน
3. รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ที่ได้รับอาจไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง และค่าอาหาร สวนทางกับรายได้ที่ได้มา
วิธีแก้ปัญหาเงินช็อตแบบง่าย ๆ
1. จัดทำงบประมาณรายเดือน
เริ่มต้นด้วยการเขียนรายรับ รายจ่ายประจำเดือน เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมการเงินของตัวเองชัดเจนขึ้น และสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างถูกต้องและไม่ต้องเจอกับอาการเงินช็อตบ่อย ๆ โดยสามารถ แบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายประจำ (ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำไฟ)
- เงินออม
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
2. ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
ลองสำรวจว่าในแต่ละเดือนคุณมีรายจ่ายอะไรบ้างที่สามารถลดหรือเลิกได้ เช่น การกินข้าวนอกบ้าน การซื้อของฟุ่มเฟือย หรือค่าสมาชิกฟิตเนสที่ไม่ได้ใช้ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้หากสามารถตัดทอนไปได้จะทำให้มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้อีกมากเลยทีเดียว
3. สร้างรายได้เสริม
หากเงินเดือนปัจจุบันไม่พอใช้ การหารายได้เสริม เช่น การขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ หรือทำงานพาร์ทไทม์ จะช่วยเพิ่มรายได้และลดโอกาสเงินช็อต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาและความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย บางคนอาจจะมีเวลาทำงานเสริมได้จากที่บ้าน หรือ รับจ็อบทำงานเสริมในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ก็ได้เช่นกัน
4. ใช้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์
หากคุณต้องการเงินสำรองฉุกเฉินที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย บัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นตัวช่วยที่ดี ด้วยคุณสมบัติรูด กด ผ่อน ที่เป็นทั้งวงเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน รวมถึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการบริหารเงินให้กับคุณ”ด้อย่างมั่นคง เพียงแต่ต้องใช้จ่ายอย่างรู้กำลังตัวเอง และใช้จ่ายเฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเท่านั้น
ตัวอย่างการจัดการเงินช็อต
สถานการณ์: รถเสียฉุกเฉิน
สมมติว่ารถของคุณเสียกลางทางและต้องใช้เงินซ่อม 10,000 บาทในทันที แต่คุณมีเงินสำรองไม่พอ วิธีแก้คือใช้บัตรกดเงินสด KTC PROUD เพื่อกดเงินออกมาแก้ไขปัญหาก่อน จากนั้นค่อยผ่อนชำระคืนในเดือนถัดไป โดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง
สถานการณ์: ต้องซื้อของแต่งสวนสำหรับบ้านใหม่
คุณอยากแต่งสวนเพื่อสร้างพื้นที่พักผ่อน แต่ไม่มีเงินก้อนสำหรับซื้ออุปกรณ์ สามารถใช้บัตร KTC PROUD ผ่อนชำระสินค้าได้แบบ 0% นานสูงสุด 24 เดือน ช่วยให้คุณจัดการการเงินได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกันปัญหาเงินช็อตในอนาคต
แน่นอนว่าทุกคนเมื่อเคยเจอกับสถานการณ์เงินช็อตมาแล้วคงไม่อยากกลับไปเจอซ้ำ ๆ อีก แต่จะทำอย่างไรให้สามารถป้องกันเงินช็อตได้ จริง ๆ แล้วสามารถเริ่มได้ด้วยตัวคุณเอง เช่น
- สร้างกองทุนฉุกเฉิน:เก็บเงินอย่างน้อยหนึ่งส่วนของรายได้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
- บริหารหนี้สินให้ดี:จ่ายหนี้สินให้ตรงเวลาและลดการก่อหนี้เพิ่ม
- เรียนรู้การลงทุน: นำเงินที่เหลือมาลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสม เช่น กองทุนรวม หรือหุ้น เพื่อเพิ่มรายได้ในระยะยาว
สรุป
เงินช็อตอาจเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากคุณรู้จักวางแผนการเงินและใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น บัตรกดเงินสด KTC PROUD คุณจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าคุณจะเจอค่าใช้จ่ายฉุกเฉินหรืออยากผ่อนสินค้าจำเป็น ก็สามารถทำได้ง่ายและคล่องตัว เมื่อรู้อย่างนี้แล้วปัญหาเงินช็อตก็จะไม่กลับมาให้คุณต้องลำบากอีกต่อไป
วางแผนการเงินให้คล่องตัวในทุกสถานการณ์ ใช้บัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20%-25% ต่อปี