Occupational Health and Safety

ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม
ในการทำงาน

เป้าหมายระยะยาวปี 2571

อัตราการขาดงานของพนักงานจากการทำงาน(1) 1.55%

จำนวนอุบัติเหตุ (incident) ที่เกิดจากการทำงานที่ได้รับรายงาน(2) เป็น 0

เป้าหมายปี 2566

อัตราการขาดงานของพนักงานจากการทำงาน(1) 1.55%%

จำนวนอุบัติเหตุ (incident) ที่เกิดจากการทำงานที่ได้รับรายงาน(2) เป็น 0

ผลการปฏิบัติงานปี 2566

อัตราการขาดงานของพนักงานจากการทำงาน(1) 1.95%

จำนวนอุบัติเหตุ (incident) ที่เกิดจากการทำงานที่ได้รับรายงาน(2) เป็น 0

หมายเหตุ:

(1) อัตราการขาดงานจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บจากการทำงาน

(2)การรายงานผ่านช่องทาง HR และระบบ GS online

ความเสี่ยง (Risk)

การดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในสถานที่ทำงานเป็นเรื่องสำคัญ หากบริษัทละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการทำงาน กลายเป็นปัญหาทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจของพนักงาน รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานอาจลดลง

โอกาส (Opportunity)

หากบริษัทมีการดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในการทำงานให้พนักงานที่ดี จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้น อัตราการลาป่วย หรือลาออกของพนักงานลดลง รวมทั้งส่งเสริมด้านภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบริษัทด้วย

บริษัทตระหนักถึงสิทธิด้านความมั่นคงปลอดภัยของพนักงานจึงใส่ใจดูแล สุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน เพื่อการเป็นองค์กรที่ปราศจากอุบัติเหตุ มอบความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และปลูกฝังจิตสำนึกด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยภายในองค์กร สร้างความตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายจากการทำงาน และดำเนินการจัดสภาพแวดล้อมและพื้นที่การทำงานให้ปลอดภัยตามกฎหมายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีของพนักงาน ลดโอกาสเสี่ยง ความกังวลใจ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บจากการทำงานของพนักงานในบริษัทอย่างต่อเนื่อง

นโยบายความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน
การกำกับดูแลด้านสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน
การบริหารจัดการ
1
1.นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน

บริษัทได้นำหลักของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศมาปรับใช้กับนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงานของบริษัท ซึ่งนโยบายดังกล่าวผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะอนุกรรมการ Management Committee และมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

เพื่อกำหนดโครงสร้างการบริหารด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงขอบเขตและหน้าที่ความรับผิดชอบ
เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำและรักษาไว้ซึ่งระบบคุณภาพการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
เพื่อลดความเสี่ยงอันตราย และอุบัติเหตุต่าง ๆ ของพนักงานและลูกค้าในสถานประกอบการ
เพื่อปรับปรุง ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เกิดความปลอดภัย
เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติการณ์ เหตุฉุกเฉิน และภาวะวิกฤติ รวมทั้งส่งเสริมสุขภาพอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของพนักงาน
เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย รวมทั้งการจัดการความปลอดภัย กระบวนการดำเนินงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยของทุกคน
เพื่อควบคุม และพัฒนาการดำเนินงานโดยให้ความสำคัญในด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อม ตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบบริการให้ลูกค้า
เพื่อสื่อสารการดำเนินงาน และประสิทธิผลด้านคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมถึงการรับฟังความต้องการและความคาดหวัง เพื่อนำไปใช้ในการทบทวนและปรับปรุงการดำเนินงาน

หมายเหตุ : นโยบายดังกล่าวครอบคลุมพนักงานทั้งหมด ซึ่งแบ่งเป็น พนักงานประจำและพนักงานสัญญาจ้าง ตามคำนิยามพนักงาน ในหัวข้อ “คำอธิบายเพิ่มเติม”

ทั้งนี้ บริษัทสนับสนุนให้คู่ค้าของบริษัทปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย โดยได้กำหนดขอบเขตและแนวปฏิบัติไว้ในจรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัท เพื่อให้คู่ค้าใช้เป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับข้อกฎหมายและจรรยาบรรณของบริษัท กล่าวคือ
1. คู่ค้าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมที่บังคับใช้อย่างเคร่งครัด
2. คู่ค้าควรจัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีความปลอดภัย ถูกสุขอนามัย และเอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิผลให้แก่พนักงาน รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลให้แก่พนักงานอย่างเพียงพอและเหมาะสม

2
2.การกำกับดูแลด้านสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน

บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการชุดต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทมีการการกำกับดูแลและบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมีการกำกับดูแลและบริหารจัดการด้านสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน ดังนี้

คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ประธานคณะกรรมการ 1 คน กรรมการผู้แทนระดับ ผู้บังคับบัญชาและเลขานุการ 8 คน กรรมการผู้แทนลูกจ้างระดับ ปฏิบัติการ 8 คน

คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (OHS Committee)

คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประกอบด้วยประธานคณะกรรมการ กรรมการผู้แทนระดับผู้บังคับบัญชาและเลขานุการ และกรรมการผู้แทนลูกจ้างระดับปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้แทนจากสายงานต่าง ๆ โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารงานความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

พิจารณานโยบายและแผนงาน รายงานและเสนอแนะ สำรวจการปฏิบัติการ วางระบบการรายงานสภาพ การทำงานที่ไม่ปลอดภัย ส่งเสริม สนับสนุน กิจกรรม มาตรการหรือแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง ตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ด้านความปลอดภัยในการทำงาน และตรวจสอบสถิติ การประสบอันตรายที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการ โดยพนักงานทุกคนช่วยกันปฏิบัติ รวมทั้งรายงาน ประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน ของสถานประกอบกิจการ โดยมีการประชุม อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ด้านความปลอดภัยในการทํางานของสถานประกอบกิจการ เช่น จัดอบรมให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยแก่พนักงาน เพื่อให้พนักงาน ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติด้านสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อม การทำงานที่เหมาะสม สอดคล้องกับมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้านความปลอดภัยในการทำงาน

คณะบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน (Crisis Management Committee)

คณะบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน (Crisis Management Committee) ซึ่งมี Chief Operations Officer ทำหน้าที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และประกอบด้วยอนุกรรมการซึ่งเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ

โดยมีหน้าที่กำหนดขอบเขตของแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP) เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ เช่น ภัยพิบัติ โรคระบาด อัคคีภัย เป็นต้น ตลอดจนการพิจารณาตัดสินใจในการประกาศใช้แผนและควบคุมดูแลการดำเนินการตามแผนดังกล่าวเพื่อให้ธุรกรรมงานที่สำคัญของบริษัทสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง

3
3.การบริหารจัดการ

บริษัทได้ดำเนินการเพื่อดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้

ปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
กำหนดเป้าหมายและประเมินผลงานด้านความปลอดภัย
กำหนดเป้าหมายด้านความปลอดภัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลงานตาม Key Performance Indicator ของสายงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริหารจัดการกรณีเกิดเหตุการณ์สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด

การประเมินความเสี่ยง การจัดลำดับความสำคัญ และการบูรณาการแผนปฏิบัติการกับเป้าหมายเชิงปริมาณเพื่อจัดการกับความเสี่ยง
1. ประเมินและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง ผู้ดูแลรับผิดชอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องของแต่ละพื้นที่ เช่น สายงานทรัพยากรบุคคล (HR) ฝ่ายบริหารงานทั่วไป (GS) พยาบาล เป็นต้น ประเมินและพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงด้านสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน
2. จัดทำโครงการและแผนปฏิบัติการ
ผู้เกี่ยวข้องจัดทำโครงการและแผนปฏิบัติการพร้อมกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายเชิงปริมาณและผู้รับผิดชอบ
3. เสนอต่อคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ คณะอนุกรรมการ Management Committee

ระดับความเสี่ยง การดำเนินการ
สูง ความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง จะต้องจัดการความเสี่ยงโดยทันที และแก้ไขให้ระดับความเสี่ยงลดลงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยต้องมีการตรวจสอบการแก้ไขดังกล่าวก่อนอนุญาตให้ปฏิบัติงาน พร้อมจัดทำเป็นมาตรการควบคุม ทั้งนี้ ต้องมีหลักฐานพร้อมให้ตรวจสอบตลอดระยะเวลาดำเนินการ
ค่อนข้างสูง ความเสี่ยงอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ให้ทบทวนมาตรการควบคุมที่มีอยู่ ซึ่งกรณีมาตรการควบคุมที่มีอยู่ไม่เพียงพอ อาจจะพิจารณาปรับปรุงมาตรการเดิม หรือยกเลิกและจัดทำมาตรการใหม่ ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานพร้อมให้ตรวจสอบตลอดระยะเวลาดำเนินการ
ปานกลาง ความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง ในระดับที่ยอมรับได้ ดำเนินมาตรการควบคุมที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังไม่ให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และตรวจสอบการปฏิบัติการโดยหัวหน้างานอย่างเข้มงวด
ค่อนข้างต่ำ ความเสี่ยงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ดำเนินมาตรการควบคุมที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังไม่ให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
ต่ำ ความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำ ตรวจสอบการทำงานเป็นประจำโดยหัวหน้างาน หน่วยงานผู้รับผิดชอบ และคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการระบุและประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ งานในระดับ องค์กรผ่านการระบุความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG Risk) อีกด้วย

การจัดให้มีช่องทางในการรับแจ้งด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมการทำงาน
บริษัทคำนึงถึงความปถอดภัย อาชีวอนามัย แถะสภาพแวดถ้อมการทำงาน อีกทั้งยังให้ความสำคัญด้านสุขภาพจิต สวัสดิภาพทางใจ จัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพของพนักงานในเชิงรุก/ ป้องกัน โดยเฉพาะแนวโน้มปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มสูงขึ้น ความเครียด ความเหนื่อยล้าของแรงงาน ภาวะหมดไฟที่อาจเกิดขึ้นได้กับคนทำงานทุกที่ทุกวัย โดยจัดให้มีช่องทางรับแจ้งปัญหาหรือปรึกษาได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น

• GS online
ช่องทางในการให้พนักงานแจ้งปัญหา หรือความเสี่ยงจากการใช้สถานที่ เพื่อให้สามารถแก้ไข ซ่อมแซม หรือป้องกัน ไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการทำงานในสถานประกอบการ โดยมีเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งผ่านช่องทาง GS Online จำนวน 1,099 เหตุการณ์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ทั้งหมดร้อยละ 100 โดยเป็นเหตุการณ์แจ้งเกี่ยวกับการแจ้งซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ชำรุด ห้องน้ำชำรุด การจัดสถานที่ ขนย้ายอุปกรณ์ อุณหภูมิในสถานที่ทำงาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยหรือก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายต่อพนักงาน

การจัดให้มีช่องทางในการรับแจ้งเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย จากการใช้สถานที่

บริษัทจัดให้มีช่องทางในการให้พนักงานแจ้งปัญหา หรือความเสี่ยงจากการใช้สถานที่ เพื่อให้สามารถแก้ไข ซ่อมแซม หรือป้องกัน ไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการทำงานในสถานประกอบการ โดยมีเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งผ่านช่องทาง GS Online จำนวน 617 เหตุการณ์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ทั้งหมดร้อยละ 100 โดยเป็นเหตุการณ์แจ้งเกี่ยวกับการแจ้งซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ชำรุด ห้องน้ำชำรุด เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยหรือก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายต่อพนักงาน

• ห้องพยาบาล
ช่องทางให้พนักงานได้ติดต่อ ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่พยาบาล เพื่อประเมิน สังเกตอาการและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในด้านสุขภาพ ความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่ทำงาน ทั้งนี้หากกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จะติดต่อประสานงานไปยังสถานพยาบาลใกล้เคียง

• HR Incident
ช่องทางให้พนักงานได้แจ้งเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสถานประกอบการ โดย HR เป็นคนรับเรื่องและดูแลประสานงานไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

• HR Clinic
ช่องทางให้พนักงานติดต่อเพื่อพูดคุยกับ HR โดยตรง เพื่อปรึกษาปัญหา ขอคำแนะนำ ร้องเรียน ให้ข้อมูล โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรักษาเป็นความลับ พนักงานสามารถเลือกบุคคลที่อยากจะพูดคุยด้วยได้ เป็นช่องทางที่เปิดรับฟังปัญหาโดยตรงจากพนักงานโดยไม่ผ่านบุคคลที่ 3 และยังเป็นการสนับสนุนเรื่อง Psychological Safety พื้นที่ปลอดภัยสำหรับพนักงาน

• Jaifull (Mental Service)
ช่องทางบริการในเชิงสุขภาพจิต(ใจฟูคอยฟัง) เพื่อสร้างตัวกลางให้พนักงานสามารถเข้าไปพูดคุยปรึกษา ระบาย ลดความกังวล ความเครียด ให้คำแนะนำ โดยใช้บริษัทภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต มีความปลอดภัยในการให้ข้อมูล การรักษาความลับ และเป็นการเฝ้าระวังปัญหาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ในกรณีเกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน ผู้ประสบอุบัติเหตุสามารถแจ้งหัวหน้าหน่วยงาน หรือ ฝ่ายบริหารงานทั่วไปหรือ สายงานทรัพยากรบุคคล เพื่อประสานงานรับการรักษา โดยบริษัทมีห้องพยาบาลสำหรับปฐมพยาบาลและรักษาเบื้องต้น หรือเรียกรถพยาบาลมารับกรณีฉุกเฉิน อีกทั้งเตรียมรถยนต์พร้อมสำหรับส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง และจัดให้ตรวจสุขภาพประจำปีพนักงานทุกคน และประกันชีวิตและสุขภาพหมู่
บริษัทคำนึงถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และอาชีวอนามัยทั้งในการทำงาน รวมถึงในการจัดซื้อจัดหาสินค้าและบริการ

การดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

การร่วมกับอาคารในการซ้อมหนีไฟ

เพื่อความปลอดภัยของพนักงานในฐานะของผู้เช่าใช้อาคารสำนักงาน บริษัทได้ร่วมกับอาคารในการซ้อมหนีไฟเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2565 มีการจัดเตรียมผู้ประสานงานและทำหน้าที่เป็น Fire Warden ประจำแต่ละหน่วยงาน และได้เข้าร่วมซ้อมหนีไฟกับอาคารไทยซัมมิท ในวันที่ 25 มีนาคม 2565 และร่วมซ้อมหนีไฟอาคาร UBC II ในวันที่ 8 เมษายน 2565

  • ฝึกอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับพนักงานและ/หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
  • บริษัทได้ร่วมกับอาคารในการซ้อมหนีไฟเป็นประจำทุกปี เพื่อความปลอดภัยของพนักงานในฐานะของผู้เช่าใช้อาคารสำนักงาน ซึ่งในปี 2566 มีการจัดเตรียมผู้ประสานงานและทำหน้าที่เป็น Fire Wardenประจำแต่ละสายงาน และได้เข้าร่วมซ้อมหนีไฟกับอาคาร
  • ในกรณีเกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน ผู้ประสบอุบัติเหตุสามารถแจ้งหัวหน้าสายงาน หรือฝ่ายบริหารงานทั่วไป (GS) หรือสายงานทรัพยากรบุคคล (HR) เพื่อประสานงานรับการรักษา โดยบริษัทมีห้องพยาบาลสำหรับปฐมพยาบาลและรักษาเบื้องต้น หรือเรียกรถพยาบาลมารับกรณีฉุกเฉิน อีกทั้งเตรียมรถยนต์พร้อมสำหรับส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง และจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี ประกันชีวิตและสุขภาพหมู่สำหรับพนักงานทุกคน
  • มีสายงานที่ติดตามข่าวสารและดูแลควบคุมเรื่องโรคระบาดในที่ทำงาน ดูแลพนักงานให้ปลอดภัยจากการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ การบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน รวมถึงอุบัติเหตุ การสัมผัสที่ไม่ปลอดภัยและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย

การจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม

บริษัทคำนึงถึงความปลอดภัยและอาชีวอนามัยตั้งแต่กระบวนการการออกแบบ การควบคุมงานก่อสร้าง และงานตรวจรับงานก่อสร้าง เพื่อให้บริษัทมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม พร้อมใช้ เป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายต่าง ๆ ดังนี้

• งานออกแบบ
- ออกแบบตามกฎหมายควบคุมอาคารสูง เช่น ความกว้างของทางเดินหลัก จำนวนห้องน้ำ ห้อง Pantry จุดบริการน้ำดื่ม งานระบบประกอบอาคาร และระบบป้องกันอัคคีภัย
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Human Scale) เช่นระยะนั่งทำงาน ความสูงโต๊ะ เก้าอี้ รูปแบบเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่ต่อตารางเมตรต่อคน สร้างสุขภาวะที่ถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้งาน
• งานควบคุมงานก่อสร้าง
- มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพประจำพื้นที่และควบคุมความปลอดภัยระหว่างงานก่อสร้าง
- ฝ่ายอาคาร และฝ่ายงาน GS มีการตรวจสอบแบบงานตกแต่งและงานระบบประกอบอาคารพร้อมกับอนุมัติแบบฯ ก่อนการเริ่มปรับปรุงก่อสร้าง ตกแต่งพื้นที่สำนักงานทุกชั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารและกฎหมายควบคุมอาคาร
• งานตรวจรับงานก่อสร้าง
- ทดสอบและตรวจรับงานระบบประกอบอาคาร ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบ AV/ และระบบ IT ก่อนรับมอบพื้นที่สำนักงานทุกครั้ง
- ฝ่ายอาคารและฝ่ายงาน GS มีการตรวจงานตกแต่งและงานระบบประกอบอาคาร พร้อมอนุมัติแบบฯ หลังการก่อสร้างตกแต่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคาร กฎหมายควบคุมอาคาร และสามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นำเสนอแบบฯ และสำรวจพื้นที่ร่วมกับทีม UAT, ISO, BCPเพื่อวางแผนและตรวจสอบกระบวนการทำงานให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานมากที่สุด
• การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- การควบคุมความเข้มของแสง การออกแบบเพื่อกำหนดตำแหน่ง และเลือกใช้ประเภทหลอดไฟ LED ให้มีความสว่างที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติงาน เช่น โต๊ะทำงาน ห้องประชุมและพื้นที่พักผ่อน เป็นต้น
- การตั้งอุณหภูมิภายในพื้นที่สำนักงานให้เหมาะสมกับความหนาแน่นของพื้นที่ และประเภทการปฏิบัติงาน
- การกำหนดแผนงานทำความสะอาดท่อแอร์ให้ระบบปรับอากาศมีการส่งลมได้ดีขึ้น ใช้เครื่องฟอกอากาศในสถานที่ปฏิบัติงานเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค เป็นประจำทุก 3 เดือน
• การตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- การตรวจสอบความพร้อมใช้งานของพื้นที่สำนักงาน และระบบประกอบอาคาร (General Service Building Inspection) ร่วมกับที่ปรึกษาภายนอกตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเป็นประจำ พร้อมทั้งบันทึก ออกรายงานการตรวจสอบ และแก้ไขปรับปรุง เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นในที่ทำงาน
- บริษัทจัดให้มีการตรวจสอบการดำเนินการเรื่องความปลอดภัยงานก่อสร้าง (Construction Management) การตรวจสอบอุปกรณ์หลังการติดตั้งอุปกรณ์ การตรวจวัดค่าความสว่างของแสง ค่าความชื้น (Quality Assurance) และอุณหภูมิภายในพื้นที่สำนักงาน โดยบริษัทผู้ให้บริการภายนอก นอกจากนี้ บริษัทได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยภายในพื้นที่สำนักงานประจำปี โดยหน่วยงานที่ปรึกษาภายนอกจากฝ่ายอาคารฯ เช่น ตรวจสอบระบบอัคคีภัย ระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล และระบบลิฟต์โดยสาร เป็นต้น

ผลการประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 2566

ผลการประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 2566

  • การควบคุมความเข้มของแสง การออกแบบเพื่อกำหนดตำแหน่ง และเลือกใช้ประเภทหลอดไฟ LED ให้มีความสว่างที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติงาน เช่น โต๊ะทำงาน ห้องประชุม และพื้นที่พักผ่อน เป็นต้น
  • การตั้งอุณหภูมิภายในพื้นที่สำนักงานให้เหมาะสมกับความหนาแน่นของพื้นที่ และประเภทการปฏิบัติงาน
  • การกำหนดแผนงานทำความสะอาดท่อแอร์ให้ระบบปรับอากาศมีการส่งลมได้ดีขึ้น ใช้เครื่องฟอกอากาศในสถานที่ปฏิบัติงานเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค เป็นประจำทุก 3 เดือน
  • การตรวจสอบความพร้อมใช้งานของพื้นที่สำนักงาน และระบบประกอบอาคาร (General Service Building Inspection) ตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเป็นประจำ พร้อมทั้งบันทึก ออกรายงานการตรวจสอบ และแก้ไขปรับปรุง เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นในที่ทำงาน ร่วมกับที่ปรึกษาภายนอก
  • การตรวจสอบและติดตามประเมินผลด้านความสะอาดเรียบร้อยของพื้นที่ทำงานในแต่ละหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ (โครงการ 5ส)

โดยในปี 2565 บริษัทจัดให้มีการตรวจสอบการดำเนินการเรื่องความปลอดภัยงานก่อสร้าง (Construction Management) การตรวจสอบอุปกรณ์หลังการติดตั้ง ค่าความสว่างของแสง ค่าความชื้น (Quality Assurance) โดยหน่วยงานที่ปรึกษาภายนอก

การตรวจสอบภายในตามเกณฑ์ 5 ส และติดตามประเมินผลด้านความสะอาดเรียบร้อยของพื้นที่ทำงานในแต่ละสายงานอย่างสม่ำเสมอ

การลดความเสี่ยงในสถานการณ์โรคระบาด

บริษัทยังคงประกาศมาตรการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมมาตรการปฏิบัติงานจากบ้าน (Work from Home) และการใช้สิทธิวันลาในสถานการณ์ COVID-19 อีกทั้งได้ดูแลพนักงานในสถานการณ์ที่น่ากังวัลดังกล่าว เช่น การสื่อสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของ COVID-19 อย่างรวดเร็วและถูกต้อง การดูแลพนักงานที่มีความเสี่ยงหรือได้รับเชื้อ COVID-19 อย่างใกล้ชิด การจัดหาวัคซีนให้กับพนักงาน เป็นต้น

การจัดให้มีช่องทางในการรับแจ้งเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย จากการใช้สถานที่

บริษัทจัดให้มีช่องทางในการให้พนักงานแจ้งปัญหา หรือความเสี่ยงจากการใช้สถานที่ เพื่อให้สามารถแก้ไข ซ่อมแซม หรือป้องกัน ไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการทำงานในสถานประกอบการ โดยมีเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งผ่านช่องทาง GS Online จำนวน 617 เหตุการณ์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ทั้งหมดร้อยละ 100 โดยเป็นเหตุการณ์แจ้งเกี่ยวกับการแจ้งซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ชำรุด ห้องน้ำชำรุด เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยหรือก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายต่อพนักงาน

การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การยศาสตร์(1) ทั้งทางด้านกายภาพและด้านจิตใจ

บริษัทดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงจัดสถานที่การทำงานที่เอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีความสุข สามารถผ่อนคลายความเครียดที่เกิดจากการทำงาน มีสุขภาพกายและใจที่ดี และมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันภายในองค์กร ซึ่งก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี โดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายตลอดทั้งปี ดังนี้

(1)การยศาสตร์ หมายถึง ศาสตร์หรือวิชาการที่เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพงานให้เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงาน หรือเป็นการปรับปรุงสภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อการทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ลดความผิดพลาดในการทำงาน พัฒนาความปลอดภัย ลดความเครียดและความล้าจากการทำงาน

    ด้านกายภาพ

    การจัดสรรและออกแบบพื้นที่ Relaxing & Common Area

    เคทีซีได้มีการปรับปรุงพื้นที่สำนักงาน โดยเปิดรับแนวคิดและแรงบันดาลใจจากความเห็นของตัวแทนพนักงานทุกสายงาน เพื่อให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานมากที่สุดทุกที่ทุกเวลา และสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างการปฏิบัติงานหรือหลังจากการปฏิบัติงาน โดยไม่จำเป็นต้องนั่งประจำอยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน และยังสามารถแชร์ไอเดีย หรือประชุมออนไลน์ได้ตลอดเวลา เพื่อตอบรับเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนทำงานหลายเจนเนอเรชั่นที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและสภาพสังคมปัจจุบัน เน้นการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย โปร่งโล่งตามสไตล์มินิมัล พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและนวัตกรรมที่เอื้อต่อการทำงาน รวมทั้งมีมุมนั่งเล่น ห้องคุยโทรศัพท์ส่วนตัว ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ มุมนั่งคุยงานสบายๆ เพราะเราเชื่อว่า เมื่อบุคลากรในองค์กรมีความสุข ประสิทธิภาพการทำงานก็จะดีขึ้น และพร้อมส่งต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่าให้กับสมาชิก และพันธมิตรธุรกิจได้อย่างเต็มที่

    โดยบริษัท ได้มีการปรับปรุงและจัดสรรพื้นที่ Relaxing & Common Area ให้กับพนักงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งอาคาร UBCII และอาคาร Thai Summit ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2566

    กิจกรรมออกกำลังกาย

    บริษัทจัดให้มีชมรมแบดมินตัน และชมรมฟุตบอล ตามความสนใจของพนักงาน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพอนามัยและสนับสนุนการออกกำลังกายให้แก่พนักงาน โดยจัดกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน และในปี 2565 บริษัทได้จัดเตรียมสนามแบดมินตัน เพื่อให้พนักงานที่สนใจกีฬาแบดมินตัน ได้มารวมตัวกันออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันศุกร์ ตลอดทั้งปี และจัดให้มีการแข่งขันฟุตบอลประจำปีขึ้น โดยมีพนักงานเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 9 ทีม ทำให้พนักงานที่สนใจในกีฬาฟุตบอลจากทุกหน่วยงาน รวมถึงบริษัทในเครือ ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งกันและกันในองค์กร การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ

    กิจกรรม “KTC CHALLENGE” บริหารร่างกาย ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม

    เคทีซีได้เชิญนักกายภาพบำบัดจากสถาบัน รีบาลานซ์ คลินิก มาให้ความรู้และสอนท่ากายบริหารต่าง ๆ ให้กับพนักงาน ซึ่งสามารถทำได้ในบริเวณโต๊ะหรือที่ทำงานของตนเอง และมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องให้พนักงานได้ฝึกท่าบริหารต่าง ๆ และโพสต์คลิปหรือภาพของตนบน KTC UNITE พร้อมใส่ caption หรือข้อความเชิญชวนให้เพื่อนๆ ท่านอื่นมาบริหารร่างกายให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม เพื่อลดการเกิดอาการปวด คอ บ่า และไหล่ ที่เกิดจากการนั่งทำงานนาน ๆ จนอาจก่อให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้

      ด้านจิตใจ

      กิจกรรม Inspiration Talk "การจัดการความเครียด ความกดดัน และความเข้าใจในปัญหาซึมเศร้า”

      “พนักงาน ” ถือเป็นทรัพยากรสำคัญและรากฐานของความสำเร็จอันยั่งยืนขององค์กร ซึ่งการทำงานในปัจจุบันในภาวะการณ์โควิดส่งผลต่อความเครียดของพนักงาน บริษ็ทเล็งเห็นถึงเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการจัดบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่อง “การจัดการความเครียด ความกดดันและความเข้าใจในปัญหาซึมเศร้า” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจโดยจัดให้กับพนักงานโดยเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมอย่างเท่าเทียมไม่ระบุตำแหน่งงานหรือคุณสมบัติของผู้เข้าร่วม ทั้งแบบ Offline และ Live สด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการจัดการความเครียด ความกดดัน และความเข้าใจในปัญหาซึมเศร้า และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในการสังเกตตนเอง สังเกตคนรอบข้าง ดูแลซึ่งกันและกัน

      กิจกรรมประกวดแต่งกาย KTC นพมาศ

      บริษัทจัดกิจกรรมเพื่อให้พนักงานได้ร่วมการสืบสานประเพณีไทยผ่านการแต่งกาย KTC นพมาศ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQI+) ได้สามารถแสดงความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบการแต่งกายอย่างเท่าเทียม โดยใช้วิธีบันทึกเทปวิดีโอการนำเสนอชุดแต่งกายบนแพลตฟอร์มของบริษัท KTC UNITE และเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้ร่วมโหวตให้กับชุดที่สร้างสรรค์ที่สุดในกิจกรรมนี้เพื่อรับรางวัล

      กิจกรรม “ประกวดสัตว์เลี้ยงแสนรัก”

      บริษัทจัดกิจกรรมให้พนักงานได้ถ่ายรูปกับสัตว์เลี้ยงที่บ้านของตัวเอง มาอวดโฉมให้เพื่อน ๆ ในเคทีซีได้ชมความน่ารักความผูกพันธ์ของแต่ละบ้าน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นกับกลุ่มพนักงานที่มีความรักในสัตว์เลี้ยงเหมือนกันได้มีพื้นที่ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องสัตว์เลี้ยงผ่านแพลตฟอร์ม KTC UNITE ทั้งนี้ภาพสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการกดไลค์สูงสุดจำนวน 10 คน จะเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัล

      กิจกรรมในช่วง “เทศกาลวันแม่”

      บริษัทจัดกิจกรรมให้พนักงานได้ใช้พื้นที่บนแพลตฟอร์ม KTC UNITE บอกรักแม่ผ่านสื่อ พร้อมโพสต์รูปของพนักงานและคุณแม่ ให้เห็นความรักและความผูกพันในครอบครัว และได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานแต่ละคน ในการคิด Content หรือวิธีการที่จะสื่อสารนำเสนอให้น่าสนใจ ให้เห็นถึงความรักที่มีต่อคุณแม่ซึ่งเป็นบุคคลอันเป็นที่รัก

      กิจกรรม “เก็บอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องเก็บ”

      บริษัทจัดกิจกรรมให้พนักงานคลายเครียดจากการทำงาน ซึ่งสามารถเริ่มง่าย ๆ จากสิ่งใกล้ตัว โดยให้ทบทวนตนเองว่ามีอะไรที่เก็บไว้ในบ้านแต่ไม่ได้ใช้ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบบ้านของตนเองและกล้าที่จะบอกถึงเหตุผลในการเก็บสิ่งของนั้นๆ และเมื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวดี ก็จะส่งผลให้เรามีความเครียดและความกังวลลดน้อยลง ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น โดยให้พนักงานร่วมสนุกกันผ่านการโพสต์สิ่งของที่ได้เก็บไว้ ผ่านแพลตฟอร์ม KTC UNITE

      การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพให้แก่พนักงาน

      ในปี 2565
      จำนวนพนักงานเข้ารับการตรวจสุขภาพ

      1,269ราย

      พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

      350ราย

      ข้อมูลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

      0
      จำนวนคนหรือวัน
      ต่อชั่วโมงการทำงาน

      ปี 2562-2565

      • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานที่บันทึกได้
      • อัตราการบาดเจ็บรุนแรงจากการทำงาน (ไม่รวมการเสียชีวิต)
      • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน
      • อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน
      • อัตราการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นเสียชีวิต
      • อัตราการเจ็บป่วยจากการทำงาน
      • อัตราสูญเสียวันทำงาน
      0
      วัน

      ปี 2562-2565

      จำนวนวันหยุดงานเนื่องจาก
      การเจ็บป่วยและบาดเจ็บ จากการทำงาน
      อัตราการขาดงาน (AR) 2562 2563 2564 2565
      (อัตราการขาดงานจากการ บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการ ทำงาน รวมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การลาที่ได้รับอนุญาต) 1.09% 1.08% 1.55% 2.92%