เงินเดือนคือรายได้สำคัญที่พนักงานทุกคนควรได้รับตามเวลาที่กำหนด แต่ในบางกรณี นายจ้างอาจจ่ายเงินเดือนล่าช้า ซึ่งหมายถึงเลยวันที่ตกลงไว้นั้น หรือไม่จ่ายเลย ทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และภาระค่าใช้จ่ายของลูกจ้างโดยตรง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ คุณมีสิทธิอะไรบ้าง และสามารถดำเนินการอย่างไรเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง บทความนี้จึงขอรวบรวมข้อมูลควรรู้ ว่าพนักงานเงินเดือน ควรทำอย่างไร เมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน หรือจ่ายล่าช้า
นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน ลูกจ้างทำอะไรได้บ้าง ?
เมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนหรือจ่ายล่าช้า ทำให้ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังเผชิญปัญหานี้ นี่คือแนวทางการรับมือในแต่ละกรณี
1.กรณีพนักงานประจำ นายจ้างจ่ายเงินเดือนล่าช้า หรือไม่จ่ายค่าจ้าง
หากนายจ้างจ่ายเงินช้ากว่ากำหนด 7 วัน หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ให้คิดดอกเบี้ยได้ 15 % ต่อปี เมื่อไม่จ่ายค่าจ้าง ตามที่ตกลงไว้
ทั้งนี้ พนักงานจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่านายจ้างจงใจจ่ายเงินช้า หากนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนโดยไม่มีเหตุอันควร เมื่อพ้น 7 วัน นับตั้งแต่ถึงกำหนดวันจ่าย นายจ้าง ต้องเสียเงินเพิ่มให้กับลูกจ้าง 15 % ของเงินค่าจ้าง ทุกระยะเวลา 7 วันด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.humansoft.co.th/th/blog/paying-salary-late
2.กรณีพนักงานประจำลาออก นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน
ในกรณีนี้แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ ลูกจ้างลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานนั้น หากลูกจ้างลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า องค์กรหรือนายจ้างก็จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ให้แก่ลูกจ้างอย่างถูกต้อง โดยหากนายจ้างไม่ยอมจ่ายจะผิดกฎหมาย ซึ่งลูกจ้างสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานได้
อีกหนึ่งกรณีคือ หากลูกจ้างลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายเงิน ซึ่งกรณีนี้ลูกจ้างจะเป็นผู้ผิดต่อกฎหมาย แต่นายจ้างก็จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้เช่นกัน แต่จะมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายกับลูกจ้างได้ หากการลาออกนั้นสร้างความเสียหายต่อนายจ้างหรือองค์กร
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.humansoft.co.th/th/blog/employee-suddenly-resigns
3.กรณีไม่ผ่านช่วงทดลองงาน หรือถูกเลิกจ้างช่วงทดลองงาน นายจ้างต้องจ่ายชดเชยหรือไม่
การทดลองงานนับว่าเป็นกระบวนการที่หลาย ๆ บริษัทใช้เพื่อประเมินความเหมาะสมของพนักงานกับตำแหน่งงานนั้น ๆ โดยอาจมีระยะเวลาทดลองงานแตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัท เช่น 90 วัน หรือ 119 วัน ซึ่งส่งผลต่อสิทธิในการได้รับค่าชดเชยเมื่อไม่ผ่านทดลองงาน ทั้งนี้ หากคุณไม่ผ่านช่วงทดลองงาน หรือถูกเลิกจ้างช่วงทดลองงาน นายจ้างต้องจ่ายชดเชยหรือไม่ แบ่งได้เป็น 2 กรณี ด้วยกัน ได้แก่ กรณีที่นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย โดยหากพนักงานทดลองงานครบ 120 วันขึ้นไป และถูกเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
อีกกรณีหนึ่ง คือนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย โดยหากนายจ้างแจ้งเลิกจ้างก่อนที่พนักงานจะทำงานครบ 120 วัน เช่น แจ้งในวันที่ 119 จะไม่เข้าข่ายต้องจ่ายค่าชดเชย จึงสรุปได้ว่า พนักงานที่ไม่ผ่านทดลองงานและทำงานไม่ครบ 120 วัน ไม่ได้รับค่าชดเชย แต่หากทำงานครบ 120 วันขึ้นไป นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.humansoft.co.th/th/blog/probation-failed-question
หากทำงานครบ 120 วันขึ้นไป นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
4.กรณีพนักงานประจำถูกเลิกจ้าง ไม่ว่าเหตุใด ๆ พนักงานจะได้สิทธิอะไรบ้าง
ในกรณีนี้ อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้หลาย ๆ บริษัทปิดตัวหรือมีการปรับโครงสร้างใหม่ โดยต้องเลิกจ้างพนักงานส่วนหนึ่งออก โดยหากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็จำเป็นต้องรู้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการเลิกจ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของสัญญาจ้าง แบ่งออกเป็น 3 กรณีหลัก ได้แก่
- เลิกจ้างเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุด โดยหากเป็นสัญญาจ้างที่กำหนดระยะเวลา เช่น 1 ปี เมื่อครบกำหนด นายจ้างไม่จำเป็นต้องแจ้งหรือบอกกล่าวล่วงหน้า แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย หากทำงานต่อเนื่อง 120 วันขึ้นไป
- เลิกจ้างโดยบอกกล่าวหรือยกเลิกสัญญาล่วงหน้า โดยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในเรื่องการจ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างได้มีการระบุว่า หากลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ ตามกฎหมายแรงงาน นายจ้างจะต้องแจ้งให้ลูกจ้างรับทราบอย่างน้อย 30 วัน และจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้าง ดังต่อไปนี้
ทำงานครบ 120 วัน ต้องได้รับค่าชดเชยจากค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน
ทำงานครบ 1 ปี ต้องได้รับค่าชดเชยจากค่าจ้างสุดท้าย 90 วัน
ทำงานครบ 3 ปี ต้องได้รับค่าชดเชยจากค่าจ้างสุดท้าย 180 วัน
ทำงานครบ 6 ปี ต้องได้รับค่าชดเชยจากค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
ทำงานครบ 10 ปี ต้องได้รับค่าชดเชยจากค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน
- เลิกจ้างกะทันหัน แบบไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยเป็นการเลิกจ้างแบบที่นายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานทันที หรือก็คือการยกเลิกสัญญาจ้างงานทันที นายจ้างจะต้องจ่าย “ค่าตกใจ” โดยจ่ายตามวันที่ลูกจ้างออกจากงานจนถึงวันเลิกสัญญามีผล (กำหนดจ่ายเงินค่าจ้างรอบถัดไป) หรือก็คือกรณีได้ค่าจ่ายเป็นรายเดือน ก็จะได้เงินเดือน 1 เดือนแทน เป็นเสมือนนายจ้ายได้แจ้งล่วงหน้าเพื่อให้เตรียมตัวออกจากงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17/1 และได้รับเงินชดเชยตามระยะเวลาทำงานต่อเนื่องตั้งแต่ 120 วันขึ้นไป เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thaipbs.or.th/now/content/1582
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนเมื่อไหร่ ที่ไหน และช่องทางใดได้บ้าง ?
จากกรณีที่นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน จ่ายเงินล่าช้า ไปจนถึงการไม่ได้รับเงินค่าชดเชยต่าง ๆ
ในกรณีทั้งหมดนี้ลูกจ้างสามารถร้องเรียนปัญหาได้ ดังต่อไปนี้
- สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 3 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
- แจ้งผ่านทางระบบออนไลน์ ได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานที่เว็บไซต์ https://eservice.labour.go.th/
- ร้องเรียนไปยังพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเขตพื้นที่ซึ่งสำนักงานของนายจ้างตั้งอยู่ หรือใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นฟ้องต่อศาลแรงงาน
ทั้งนี้ สำหรับการร้องเรียนเมื่อถูกเลิกจ้าง และไม่ได้รับเงินเดือนและเงินค่าชดเชยจากนายจ้าง ก็มีเอกสารและการเตรียมตัวสำหรับการยื่นต่อศาลแรงงาน ดังนี้
- กรอกแบบฟอร์ม คร.7 โดยรับแบบฟอร์มได้ที่สำนักงานฯ หรือดาวน์โหลดทางออนไลน์ได้ *กรณียื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของลูกจ้างผู้ร้อง
- ชื่อนายจ้าง/สถานประกอบการ
- สถานที่ตั้งของที่ทำงานอย่างชัดเจน และหมายเลขเบอร์โทรศัพท์
- วันที่ เดือน ปี พ.ศ. ที่เริ่มทำงาน และวันสุดท้ายของการทำงาน รวมถึงรายละเอียดการจ้างการทำงาน โดยเจ้าหน้าที่จะมีการสอบถามถึงรายละเอียดของกรณีเกิดขึ้น ลูกจ้างสามารถเตรียมตัวเพื่อให้การสอบถามราบรื่นยิ่งขึ้น โดยจะมีการสอบถามถึงพฤติกรรมที่นายจ้างทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
- หรือหากมีพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยานบุคคล ที่เกี่ยวข้อง สามารถเตรียมมาด้วยได้
และนี่คือข้อมูลทั้งหมดที่พนักงานเงินเดือนควรรู้หากเกิดเหตุฉุกเฉินนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนหรือถูกเลิกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชยต่าง ๆ นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่คุณควรรู้เพิ่มเติมอีกอย่างคือ หากคุณถูกเลิกจ้างหรือลาออกเอง แล้วว่างงาน ก็สามารถใช้สิทธิรับเงินชดเชยเมื่อว่างงานได้ โดยยื่นเรื่องไปยังกองทุนประกันสังคม ทั้งนี้ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย จะต้องเป็นผู้ประกันตนใน ม.33 ที่บริษัทหรือผู้ว่าจ้างจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนว่างงาน และว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป โดยสามารถลงทะเบียนว่างงานออนไลน์ได้ที่ https://e-service.doe.go.th/ หรือติดต่อสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ของคุณ
นอกจากนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากงานเก่าสู่งานใหม่ ที่คุณอาจต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพรายวัน ค่าผ่อนชำระต่าง ๆ หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในการสมัครงานและเดินทางสัมภาษณ์ บัตรเครดิต KTC ก็พร้อมเป็นตัวช่วยให้คุณบริหารการเงินได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด อาทิ โปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน หรือการสะสมคะแนน KTC FOREVER เพื่อแลกเป็นเครดิตเงินคืนหรือส่วนลดต่าง ๆ เพื่อให้คุณใช้จ่ายคุ้มค่าในช่วงที่ต้องประหยัด สมัครง่ายและยื่นเอกสารง่าย ๆ ผ่านทางออนไลน์ได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC