8 แบรนด์ดังระดับโลกพร้อมตามรอยท่องเที่ยวถึงดินแดนต้นกำเนิด
พักเบรกจากข่าวโควิด – 19 มาหาความรื่นรมย์ผสมความรู้รอบตัว ด้วยการตามรอยต้นกำเนิดแบรนด์ดังระดับโลก เสริมสร้างแรงบันดาลใจ หลายๆประเทศเปิดให้ไปเที่ยวได้แล้วพร้อมแล้วมีโอกาสต้องไปเยือน
เที่ยวตามรอยแบรนด์ดังระดับโลกกับ KTC World
1. ตามรอย Balenciaga
Cristobal Balenciaga Museoa - San Sebastian & Getaria, Spain
ตามรอย Balenciaga ที่เมือง San Sebastian เมืองพักตากอากาศเล็ก ๆ ชื่อเสียงโด่งดังทางตอนเหนือของสเปน เป็นส่วนหนึ่งของแคว้น Basque จุดหมายที่มีเหล่าคนชนชั้นสูงของสเปนเดินทางมาท่องเที่ยวไม่ขาดสายตลอดทั้งปี เนื่องจากมีภูมิประเทศที่สวยงามสุดเพอร์เฟ็ค รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้า ภูเขา ทะเล และอาคารสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก บรรยากาศโรแมนติก ทั้งยังมีย่านการค้าที่มีร้านเสื้อผ้าสวยงามทันสมัยมากมาย ชื่อเสียงยาวนานมากกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นจุดก่อตั้งของร้านตัดเสื้อเล็ก ๆ แห่งแรกของ Balenciaga นั่นเอง แม้ว่าปัจจุบันจะย้ายร้านมาที่เมือง Getaria (ห่างออกไปประมาณ 25 กม.) และก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ Cristobal Balenciaga Museoa แล้วก็ตาม แต่ผู้คนยังคงนิยมแวะเวียนไปเยี่ยมชมและร่วมเสพบรรยากาศของถิ่นฐานต้นกำเนิดแบรนด์ดังกันที่ San Sebastian อยู่เป็นประจำ (ดูโปรโมชั่นทัวร์สเปน)
Address : Aldamar Parkea Parkea, 6, 20808 Getaria, Gipuzkoa, Spain
Admission Fee: 10 ยูโร (ประมาณ 383 บาท)
IT Collection : Neo Classic Collection
กระเป๋าที่พัฒนามากจากกระเป๋ารุ่น City Bag อันแสนโด่งดัง โดย Demna Gvasalia ดีไซเนอร์คนปัจจุบัน ได้นำรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของ City Bag มาทำให้กระเป๋ามีโครงสร้างที่ดูแข็งแรง พร้อมทั้งเลือกใช้หนังที่มีความแข็งและมีลายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และนำเทคนิคการตัดเย็บที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการผลิตกระเป๋า แต่ยังคงไม่ทิ้งลายละเอียดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น หมุด (Stud) ที่มุมด้านล่างทั้งสองข้างของกระเป๋า ช่องใส่ของขนาดเล็กด้านหน้ากระเป๋า และสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือ การที่แบรนด์ไม่ได้เพิ่มโลโก้ใด ๆ ลงไปบนกระเป๋า ถือเป็นการรวมเอาความคลาสสิกและความทันสมัยมาผสมผสานกันอย่างลงตัว
2. ตามรอย Rolex
Rolex Building - Geneva, Switzerland
แม้จุดเริ่มต้นของแบรนด์นาฬิกาหรูอย่าง Rolex จะกำเนิดขึ้นที่ลอนดอน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาอันรุ่งเรืองที่สุดของ Rolex นั้น เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ย้ายมาอยู่ที่กรุงเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ จุดหมายในฝันของเหล่าคนรักนาฬิกาทั่วโลก เพราะนอกจากจะได้มาเดินช้อปเดินชมใน Rolex Building ที่เลอค่าราวกับพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังสามารถไปท่องเที่ยวพักผ่อน ซึมซับบรรยากาศแสนเรียบง่ายริมแม่น้ำโรนของกรุงเจนีวาได้อย่างสบายใจ ไม่เพียงเท่านี้เจนีวายังถือเป็นบ้านเกิดของนาฬิกาชั้นนำอีกหลากหลายแบรนด์ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของวิศวกรรมนาฬิกาของโลกที่คนรักนาฬิกาไม่ควรพลาดมาเยือน
Address: ROLEX SA, 3-5-7 rue Francois-Dussaud, 1211 Geneva 26, Switzerland
IT Collection: Rolex Submariner Collection
นาฬิการุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Rolex ที่เป็นต้นแบบในการดีไซน์ Diver Watch ของโลก ต่อยอดจาก Submariner รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1953 เป็นนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโลกที่สามารถกันน้ำได้ที่ความลึกสูงสุดถึง 100 เมตร มาพร้อมกับขอบหน้าปัดที่สามารถใช้จับเวลาได้ระหว่างการดำน้ำ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนาฬิกาชั้นนำของ Rolex ได้เป็นอย่างดี
3. ตามรอย Mercedes Benz
Mercedes Benz Museum - Stuttgart, Germany
พิพิธภัณฑ์รถยนต์แห่งเดียวในโลกที่จารึกประวัติศาสตร์ยานยนต์อันยาวนานกว่า 128 ปีเอาไว้ ก้าวแรกของประวัติศาสตร์ยนตรกรรมโลก ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงงานหลักและสำนักงานใหญ่ของ Daimler AG เมืองสตุ๊ตการ์ท ภายในจัดแสดงรถยนต์คันแรกของโลกถูกคิดค้นและผลิตขึ้นโดย Karl Benz เมื่อปี ค.ศ. 1886 เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นอื่น ๆ กว่า 160 คัน พร้อมเก็บบันทึกเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่มนุษยชาติได้รู้จักกับพาหนะติดล้อขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ จนถึงยุคปัจจุบันที่แทบทุกบ้านมีรถยนต์เป็นของตัวเอง และยังปูเส้นทางสู่โลกแห่งยนตรกรรมในอนาคตให้ผู้ชมได้เขามาเดินชมและศึกษาประวัติศาสตร์ ภายใต้อาคารพิพิธภัณฑ์ 9 ชั้นแห่งนี้กันแบบเต็มอิ่ม
Address: Mercedesstrabe 100, 70372 Stuttgart
Admission Fee: 10 ยูโร (ประมาณ 383 บาท)
IT Collection: Mercedes-Benz E-Class
E-Class เป็นรถยนต์ Mercedes-Benz อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดดเด่นด้านความหรูหรา ที่นั่งสบาย ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและตกแต่งอย่างดี เห็นได้จากผู้บริหารหรือนักธุรกิจหลายคนเลือกใช้รุ่นนี้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้น สามารถขับขี่ได้ทั้งในเขตเมืองและเดินทางระยะไกลได้อย่างไร้ปัญหากวนใจ Mercedes-Benz E-Class ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายประเภท เช่น E-Class Saloon, E-Class Coupé และ E-Class Cabriolet เป็นต้น
4. ตามรอย Gucci
Gucci Museum - Florence, Italy
หากพูดถึงเมืองแห่งแฟชั่นในอิตาลี หลายคนคงคิดถึงมิลานมาเป็นอันดับแรก แต่ความจริงแล้วฟอเรนซ์ เมืองบ้านเกิดของกุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Gucci ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี ก็ถือเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านแฟชั่นและเครื่องหนังไม่แพ้กัน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะทุกรูปแบบ รวมถึงมาเยี่ยมชม Gucci Museum ที่จัดแสดงกระเป๋าหนังชุดแรกที่ กุชชิโอ กุชชี่ ออกแบบขึ้นครั้งแรก และผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จุดประกายให้อาณาจักร Gucci มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน
Address: Piazza della Signoria 10 Firenze, 50122, Italia
Admission Fee: 8 ยูโร (ประมาณ 307 บาท)
IT Collection: GG Marmont Collection
หลายคนคงคุ้นตากับรุ่น GG Marmont เพราะเป็นรุ่นที่นิยมในหมู่เซเลปคนดังชาวไทยเป็นอย่างมาก มีรูปทรงและขนาดที่หลากหลาย เช่น กระเป๋าสะพายไหล่ กระเป๋าคาดเอว กระเป๋าถือ เป็นต้น จุดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โลโก้ GG อันแสนโดดเด่นที่ประดับอยู่ด้านหน้า วัสดุที่ใช้เป็นหนังแท้ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู ปัจจุบันมีหลายโทนสีให้ได้เลือกไม่ว่าจะเป็นโทนสีเข้มดูสุขุมอย่างสีดำ หรือโทนสีพาสเทลดูสดใสน่ารักเหมาะกับสาว ๆ เป็นอย่างยิ่ง
5. ตามรอย Coco Chanel
Coco Chanel's First Shop on Rue Cambon - Paris, France
อพาร์ทเม้นท์และสถานที่ทำงานของโคโค่ ชาแนล จุดเริ่มต้นของแบรนด์แฟชั่นชื่อก้องโลก ทั้งยังเป็นช็อปสาขาแรกที่เปิดให้บริการมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 110 ปีจนถึงปัจจุบันอีกด้วย ตั้งอยู่ที่อาคารหมายเลข 31 ถนนกัมบง ย่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ บรรยากาศสุดคลาสสิก ใจกลางกรุงปารีส เป็นถนนที่เชื่อมทั้ง Vendome และ St. Honore ย่านแฟชั่นที่มีช็อปสินค้าหรูชั้นนำมากมายตั้งเรียงรายกันหลายร้าน ถือเป็นจุดหมายในฝันที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าจากทั่วโลกต้องมาเช็คอินให้ได้สักครั้งในชีวิต
Address: 31, Rue Cambon, 75001, Paris, France
IT Collection: Chanel Classic Handbag
กระเป๋าสตางค์ Chanel สุดคลาสสิกสวยเก๋เต็มสิบไม่หัก มาพร้อมโลโก้สีทองโดดเด่น และตัวกระเป๋าหนัง Grained Calfskin ที่ให้ความหรูหรา เรียบง่าย แต่เลอค่าสุด ๆ เป็น Chanel รุ่นในฝันที่สาว ๆ อยากมีไว้ครอบครองแบบยืนหนึ่ง
Uniqueness: ช็อปแรกของ Chanel ที่ถนนกัมบง เป็นช็อปที่จะให้ถุงใส่สินค้าเป็นสีขาวแตกต่างจากที่อื่น เพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับลูกค้าที่เดินทางมาช้อปปิ้งกันที่สถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งนี้
6. ตามรอย Ralph Lauren
Gertrude Rhinelander Waldo Mansion - New York, USA
ย้อนรอยสำรวจความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กันที่แมนชั่นสุดคลาสสิก ภายใต้บรรยากาศอาคารฝรั่งเศสเก่าแก่สไตล์เรเนซองส์ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก Flagship Store แห่งแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Ralph Lauren แบรนด์แฟชั่นเสื้อโปโลคุ้นตา ผลงานของ Ralph Lauren ดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน อาณาจักรแห่งสินค้าแฟชั่นครบวงจรที่เปรียบเสมือนสวรรค์ของนักช้อป สามารถมาเดินช้อปปิ้งและชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าได้อย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ภายในกว้างขวาง มีสินค้าสวยงามตั้งอยู่เรียงราย ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานสุดสร้างสรรค์ของนักออกออกแบบอัจฉริยะอย่าง Ralph Lauren เลย
Address: 867 Madison Avenue, East 72nd Street, Manhattan, New York City, USA
IT Collection: Cowboy Polo Bear Sweatshirt
เสื้อสเวตเชิ้ตสุดน่ารักที่โดดเด่นด้วยการสกรีนลวดลาย Cowboy Polo Bear ตรงกลางหน้าอก มาพร้อมกับลายเซ็นของ Ralph Lauren ทำให้เสื้อรุ่นนี้มีความ Exclusive เป็นพิเศษ ด้านวัสดุผลิตจากผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ มอบสัมผัสที่หนานุ่ม ให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ดี ไม่ว่าจะสวมป้องกันความหนาวขณะไปท่องเที่ยว หรือจะใส่ในชีวิตประจำวันตามสไตล์แฟชั่น Street ก็ล้วนแล้วแต่เข้ากัน สวมใส่สบายเพราะเป็นเสื้อทรง Relaxed Fit สามารถใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลย
7. ตามรอย Marimekko
Marimekko’s First Store - Helsinki, Finland
เยือนถิ่นกำเนิดของแบรนด์ม้ามืดสัญชาติฟินแลนด์ ก่อตั้งครั้งแรกในชื่อว่า Printex บริษัทพิมพ์ลายผ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งขึ้นในยุคหลังสงครามที่แร้นแค้นและขัดสน แต่ Armi Ratia ภรรยาของ Viljo Ratia เจ้าของบริษัท ไม่ยอมจำนนต่อสภาวะสังคมอันหดหู่ จึงติดสินใจเริ่มออกแบบลายผ้า และรวบรวมศิลปินรุ่นใหม่สร้างผลงานที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมา โดยใช้กระบวนการพิมพ์ลายผ้าด้วยมือทั้งหมด และนำไปจัดแสดงในแฟชั่นโชว์ก่อนที่จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม จนสามารถก่อตั้งบริษัท Marimekko (แปลว่าชุดกระโปรงเด็กผู้หญิง) ขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1951 บน Mannerheimintie Street ถนนเส้นเก่าแก่ใจกลางเมืองเฮลซิงกิ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มารีเมกโกะโด่งดังสุดขีด มาจากสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอย่าง Jacqueline Kennedy ที่เลือกซื้อชุดมารีเมกโกะถึง 7 ชุด ใส่ถ่ายแบบลงปกนิตยสาร Sports Illustrated ในปีค.ศ. 1960 แทนที่ชุดจากแบรนด์ดังฝั่งยุโรป ทำให้เป็นที่พูดถึงในสื่อทุกสำนักทั่วอเมริกา ความสำเร็จในครั้งนั้นถือเป็นการเปิดโลกแห่งศิลปะให้ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้เดินทางหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมและช้อปปิ้งที่ Flagship Store ของ Marimekko กันอย่างล้นหลาม ซึ่งถือเป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ คืนความหวังให้ผู้คนในเมืองกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
Address: Marimekko Oy, Puusepankatu 4, Helsinki 00810, Finland
IT Collection : The Marimekko Spring/Summer 2021 Collection
คอลเลคชันฉลองครบรอบ 70 ปี ซัมเมอร์เซ็ตที่มาในคอนเซ็ปต์ Blue Skies and Strawberry Cakes เน้นความสดใส เรียบง่าย ตามสไตล์ Marimekko
Tip! ลายพิมพ์ดอกป๊อปปี้ หรืออูนิกโกะ ที่เป็นภาพจำของ Marimekko เกิดขึ้นจากการความกล้าของ Maija Isola นักออกแบบผู้แหกกฎเหล็กของ Armi Ratia เจ้าของแบรนด์ที่ไม่อนุญาตให้ออกแบบลายดอกไม้ เพราะอยากให้ลวดลายจากมารีเมกโกะสามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างเท่าเทียม แต่ Maija Isola ก็ยังยืนยันที่จะเสนอไอเดียนี้ ทั้ง ๆ ที่คิดว่า Armi Ratia จะปฏิเสธ แต่ Armi Ratia กลับตอบรับในทันที จนกลายเป็นจุดเบิกบานของดอกป๊อปปี้ที่ไม่มีวันร่วงโรยมาจนถึงปัจจุบัน
8. ตามรอย Issey Miyake
Old Aioi Bridge - Hiroshima, Japan
ตามรอยสถานที่บ้านเกิดที่ช่วยผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ อิซเซ่ มิยะเกะ ในการสรรค์สร้าง Issey Miyake หนึ่งในแฟชั่นแบรนด์ที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้ามายาวนานกว่า 4 ทศษวรรษ ภายใต้แนวคิด Joy of Life ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ความรู้สึกหดหู่จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ให้กลายเป็นแรงบัลดาลใจในการใช้ชีวิตต่อคนทั้งโลก โดยสถานที่ไฮไลท์คือบริเวณ Old Aioi Bridge สะพานแห่งสันติภาพที่อิซเซ่ ยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างโลกที่ไร้ความกลัวต่อภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดที่เขานำมาใช้ต่อยอดในการสร้างแบรนด์ Issey Miyake ให้ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
Address: 1 Nakajima-cho, Naka-ku, Hiroshima City, Japan
IT Collection: Bao Bao Lucent Collection
กระเป๋ารุ่น Original ของ Bao Bao เเป็นรุ่นแรกที่ผลิตออกวางขาย มีเอกลักษณ์ที่แผ่นไวนิลรูปทรงสามเหลี่ยมขนาดที่เป็นมาตรฐานคือ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างของอาคารในญี่ปุ่น เน้นความหรูหราเรียบง่าย โทนสีเดียวกันทั้งใบ ประกอบไปด้วยรุ่นย่อยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Lucent Matte-2, Lucent Matte, Ichimatsu และ Stone เป็นต้น
สมาชิกบัตรเครดิต KTC เที่ยวไทย เที่ยวต่างประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม / รีสอร์ท จองรถเช่า ประกันการเดินทาง หรือ ปรึกษาข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยว โปรโมชั่นสายการบิน โปรโมชั่นที่พัก ฯลฯ แสนสะดวก ไม่มีค่าธรรมเนียมการรูดบัตร ได้ที่ KTC World Travel Service โทร. 02 123 5050 ให้บริการข้อมูลการเดินทาง จองและวางแผนการเดินทาง (Travel Planner) ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ส่งอีเมล์มาที่ ktcworld@ktc.co.th หรือ สอบถามข้อมูลผ่านช่องทาง LINE: KTC WORLD และ Facebook : KTC WORLD Community
ตรวจสอบโปรโมชั่น / สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC ที่ KTC WORLD SERVICE คลิก
อ่านเรื่องราวการท่องเที่ยวอื่นๆเพิ่มเติม