เข้าสู่ระบบ 
หน้าแรก
บริการ
โปรโมชั่น
จองออนไลน์
กิจกรรม
5 เมืองน่าเที่ยว เมืองเล็กๆรอบโลกที่ต้องไปเยือน
โลกอันแสนกว้างใหญ่ใบนี้ มีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่มากมาย ในขณะที่เมืองใหญ่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจและผู้คนที่เร่งรีบ หลาย ๆ เมืองเล็กบนโลกยังคงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รักษารูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณหรือท้องถิ่นที่ยังคงความงดงาม และยังคงเสน่ห์ที่พร้อมจะเติมเต็มความสุขให้เหล่านักท่องเที่ยว กับ 5 เมืองน่าเที่ยวรอบโลกที่ควรไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต
เมืองน่าเที่ยวรอบโลก Small Town around the World
เมือง Bellagio ประเทศอิตาลี ( Bellagio Italy )
เมืองเล็กบรรยากาศดีในเทือกเขาแอลป์ แห่งแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) อิตาลี ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชื่อดังอย่าง ทะเลสาบโคโม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุด และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี และมีความลึก 400 ม. เป็นอันดับ 5 ของยุโรป เรียกได้ว่าติดอันดับแทบทุกชาร์ต เป็นทะเลสาบแบบ Larian Triangle มีลักษณะเด่นคล้ายรูปตัว Y ความยาว 160 ม. และมีพื้นที่โดยรอบมากถึง 146 ตร.กม. กินอาณาเขตไปทั้งหมด 5 เมือง ได้แก่ Bellagio, Varenna, Menaggio, Lenno และ Como นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือสำราญ พายเรือแคนู หรือนั่งรถบัสไปเที่ยวชมบรรยากาศสุดชิลของเมืองสวยริมทะเลสาบที่มีภาพพื้นหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ที่ถูกหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี พร้อมชมพระราชวังโบราณ โบสถ์เก่าแก่ และพิพิธภัณฑ์ล้ำค่า รวมทั้งอาคารสถาปัตยกรรมยุคโรมันสีสันสดใส ที่ตั้งเรียงรายล้อมรอบทะเลสาบแสนสวยแห่งนี้ได้อีกด้วย นอกจากเมืองน่าเที่ยวแล้ว ยังมีอาหารพื้นถิ่นอย่างLavarello ปลาท้องถิ่นของทะเลสาบโคโม่ เป็นปลาขนาดกลางที่มีเนื้อเยอะ รสหวาน อร่อย นิยมนำมาเผาหรือทอด แล้วราดด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย และอิตาเลียนพาร์สลีย์ เพื่อรักษารสชาติของเนื้อปลาให้อยู่ครบ การเดินทางจาก Milan สามารถเดินทางด้วยรถไฟที่สถานี Milano Centrale มายังสถานี Como San Giovanni และนั่งรถบัสหรือนั่งเรือต่อมายัง Bellagio ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
Bellagio Walkway เมือง Bellagio - Italy
ทางเดินชมวิทะเลสาบโคโม่สวย ๆ ที่มีซิกเนเจอร์อยู่ที่สวนหย่อมดอกไม้หลากสีที่หมุนเวียนกันเบ่งบานสวยงามอยู่ตลอดทาง และมีจุดนั่งชมวิวริมทะเลสาบแบบพาโนรามา มาถึงแล้วต้องไปเช็คอินให้ได้
Giardini di Villa Melzi เมือง Bellagio - Italy
วิลล่าริมทะเลสาบสีขาวโดดเด่นแห่งเมือง Bellagio อดีตบ้านพักตากอากาศของ Francesco Melzi d'Eril รองประธานสาธารณรัฐอิตาลีในสมัยนโปเลียนเมื่อปี ค.ศ. 1800 ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามรอบ ๆ ตัวอาคาร ที่ถึงแม้จะไม่เปิดให้เข้าชมภายใน แต่ก็สามารถไปเดินเที่ยวชมบริเวณสวนสวยพื้นที่กว้างขวาง พร้อมเช็คอินกับมุมมหาชนที่ศาลาริมทะเลสาบโคโม่ได้อีกด้วย
Opening Hours: ทุกวัน 10.00 - 19.00 น. (เฉพาะเดือนมี.ค. - ต.ค.)
Admission Fee: เด็ก 5 ยูโร (ประมาณ 185 บาท) / ผู้ใหญ่ 8 ยูโร (ประมาณ 295 บาท)
เมือง Cotswolds ประเทศอังกฤษ (Cotswolds England)
เมืองน่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่งเป็นพื้นที่ชนบทขนาดใหญ่ที่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 150 กม. ครอบคลุมอาณาเขตกว่า 800 ตารางไมล์ของ 5 เขตการปกครองของอังกฤษ มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครอยู่ที่หมู่บ้านเก่าแก่สไตล์บริติชคลาสสิก บรรยากาศแสนโรแมนติกที่กระจายตัวอยู่ทั่วอาณาเขตมากมายหลายแห่ง ใครที่อยากมาพักผ่อนแบบ Digital Detox ใช้ชีวิตแบบย้อนยุค เรียบง่าย ไม่พึ่งเทคโนโลยี Cotswolds ถือเป็นตัวเลือกที่ดีงามสุด ๆ การเดินทางจาก London สามารถเดินทางด้วยรถไฟที่สถานี Great Western Railway มายังสถานี Cotswolds ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 30 นาที
Cirencester เมือง Cotswolds - England
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขต Cotswold ในแคว้น Gloucestershire ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำ Churn ซึ่งแตกออกมาจากแม่น้ำ Thames ในอดีต Cirencester ถือเป็นถือเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าสำคัญของอาณาจักรโรมันที่แผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในราชอาณาจักร ทำให้บรรยากาศของ Cirencester มีกลิ่นอายแบบโรมันค่อนข้างเด่นชัด แตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ใน Cotswold จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น Little Italy ในแดนอังกฤษเลยก็ว่าได้
Bibury เมือง Cotswolds - England
หมู่บ้านขนมปังขิงริมฝั่งแม่น้ำ Coln จากยุคกลางราวช่วงปี ค.ศ. 1380 ที่ว่ากันว่าถูกถ่ายรูปไปอัพโหลดลงโซเชียลมากที่สุดในอังกฤษ ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบสวยงามราวกับหลุดออกมาจากนิทานเด็ก ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือนและกลุ่มกระท่อมหินที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถูกรักษาไว้มากมาย และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาเทราท์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย ใครที่อยากสัมผัสชนบทอังกฤษแท้ ๆ ต้องมาที่นี่อย่างพลาดไม่ได้
Bourton on the Water เมือง Cotswolds - England
หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ Windrush ที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 3,300 เท่านั้น แต่ด้วยความเงียบสงบไม่พลุกพล่านนี้เองที่ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น "Little Venice of the Cotswold" นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนโบราณอีกกว่า 117 หลังที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอาคารประวัติศาสตร์จากทางการอังกฤษอีกด้วย ถือเป็นหมู่บ้านเล็กๆในเมืองเล็กๆที่น่าเที่ยวสุดๆ
Stow on the Wold เมือง Cotswolds - England
หมู่บ้านเล็ก ๆ ในทิศตะวันออกของเขต Cotswolds เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองตลาดโบราณ เต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่มากมาย และร้านจิบชา Afternoon Tea ชมบรรยากาศอาคารบ้านเรือนสุดคลาสสิกที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วตัวเมือง
Snowshill Cotswolds - England
หมู่บ้านขนาดเล็กทางตอนเหนือของ Cotswolds ที่มีจุดเด่นคือความเงียบสงบ และทุ่งดอกลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ แม้จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ก็เป็นจุดหมายตากอากาศยอดนิยมของชาวอังกฤษอยู่ไม่น้อย มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์คือ Snowshill Manor พิพิธภัณฑ์จัดแสดงบ้านและสมบัติอันเก่าแก่ที่ได้รับการดูแลโดยองค์กรของรัฐบาลอังกฤษ หากมีโอกาสมาเที่ยวอังกฤษก็อย่าลืมแวะมาที่เมือง Cotswolds เมืองน่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของอังฤษ
เมือง Whistler ประเทศแคนาดา (Whistler Canada)
หมู่บ้านรีสอร์ทสวยในหุบเขาทางตอนเหนือของแวนคูเวอร์เขต British Columbia โดดเด่นในฐานะ “หมู่บ้านสกี” ของแคนาดาที่มีสกีรีสอร์ทให้เลือกพักผ่อนมากมาย และไม่ได้มีแค่สกีเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นสวรรค์ของคนชอบปั่นจักรยานเสือภูเขา และเดินป่าอีกด้วย ใครที่ไม่สันทัดด้านกีฬาก็ไม่เป็นไร เพราะบรรยากาศของเมืองวิสต์เลอร์อาคารบ้านเรือนก็ยังสวยงามโรแมนติก เหมาะแก่การพักผ่อน เดินถ่ายรูปเล่นรอบเมือง เที่ยวพิพิธภัณฑ์ แวะทานอาหาร นั่งคาเฟ่ได้แบบสบาย ๆ บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุด ๆ การเดินทางจาก Vancouver สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทาง BC-1A และ BC-99 N ไปทาง Village Gate Blvd มุ่งหน้าสู่ Whistler ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 30 นาที
Squamish-Lil'wat เมือง Whistler - Canada
พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์แห่งแรกที่สวยงามและทันสมัยของ Whistler ภายในจัดแสดงไม้แกะสลักและข้าวของเครื่องใช้โบราณที่นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชนเผ่าท้องถิ่น Squamish และ Lil'wat ก่อนที่จะมารวมกันเป็น Whistler ในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ พร้อมทั้งยังมีการแสดงประจำเผ่าให้ได้ไปรับชมกันอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ ที่ประยุกต์สร้างสรรค์เมนูซิกเนเจอร์ขึ้นจากอาหารพื้นถิ่นอย่าง First Nations ให้บริการอีกด้วย
Opening Hours: ทุกวัน 9.30 – 17.00 น.
Admission Fee: ผู้ใหญ่ 18 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 586 บาท) / เด็ก 8 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260 บาท)
Peak 2 Peak Gondola เมือง Whistler - Canada
หนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ของวิสต์เลอร์คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมทิวทัศนันสวยงามของทะเลสาบอัลไพน์และป่าสนอันหนาแน่นจากมุมสูง ประทับใจไปตลอดระยะทางกว่า 4.4 กม. บนกระเช้า
Opening Hours: ทุกวัน 7.00 – 18.00 น.
Admission Fee: ผู้ใหญ่ 54 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,758 บาท) / เด็ก 27 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 880 บาท)
Four Seasons Resort Whistler เมือง Whistler - Canada
ใครกลัวว่ามาเที่ยวเมืองเล็กๆแล้วจะไม่มีกิจกรรมทำ หายห่วงไปได้เลยเพราะที่นี่ถือเป็นที่ยอดฮิตในการเล่นสกี มาอบอุ่นร่างกายให้พร้อมก่อนไปสนุกสนานกับกิจกรรมเล่นสกีสุดฮิตบนเทือกเขา Blackcomb กันที่หนึ่งในสกีรีสอร์ทที่หรูหราและยอดเยี่ยมที่สุดใน Whistler พักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่มในห้องพักตกแต่งสไตล์ American House Styles พร้อมเตาผิงขนาดใหญ่ภายในห้อง ให้ความอบอุ่นทั้งกายและใจได้เป็นอย่างดี
เมือง Tsumago-juku ประเทศญี่ปุ่น (Tsumago-juku Japan)
หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Nagiso หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอ้อมกอดของขุนเขาคิโซะ (Kiso Valley) จังหวัดนากาโน่ (Nagano) เป็นเมืองน่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง ที่จะพาคุณย้อนอดีตมาสัมผัสกับวิถีแห่งชาวอาทิตย์อุทัยในอดีต เป็นหมู่บ้านโบราณแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ยังคงอนุรักษ์บรรยากาศของเมืองหน้าด่านในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 - 1868) เอาไว้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ ไม่เฉพาะแค่บ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเหมือนในอดีตราวกับหยุดเวลาเอาไว้ สร้างความตราตรึงใจให้ผู้มาเยือนจนต้องขนลุกตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบเห็น ไฮไลท์อีกอย่างของหมู่บ้าน Tsumago คือ วิธีการชงชาด้วยเตาถ่าน Irori โบราณที่มีเอกลักษณ์พิเศษ มีลักษณะเป็นหลุมไฟสี่เหลี่ยม ตั้งอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน และห้อยกาน้ำชาลงมาจากเพดาน ใช้สำหรับชงชาต้อนรับแขก และเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพูดคุยกันของคนในครอบครัว ส่วน Gohei Mochi คือเมนูขึ้นชื่อของจังหวัด Nagano โมจิปิ้งเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสท็อปปิ้งรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เช่น ซอสมิโสะหวาน ซอสงาดำ และซอสขิง เป็นต้น การเดินทางจาก Tokyo สามารถเดินทางด้วยรถไฟจากสถานี JR Azus Limited Express มายังสถานี Matsumoto จากนั้นนั่งต่อไปที่สถานี JR Nagiso แล้วต่อรถบัสมายัง Tsumago ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.
Nakasendo Highway เมือง Tsumago-juku - Japan
ถนนสายหลักของหมู่บ้าน Tsumago ตั้งอยู่ที่จุดตัดของเส้นทางนากะเซนโดะ ในอดีตมีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเส้นทางขนส่งนาคะเซนโดะ (Nakasendo Route) ที่เชื่อมระหว่างเกียวโตกับเอโดะ เหมาะที่จะมาเดินเล่นถ่ายรูปบรรยากาศของบ้านเรือนเก่าแก่ตลอดสองข้างที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักสวยมากมาย ซึ่งดำเนินกิจการด้วยคนท้องถิ่นทั้งหมด เนื่องจากชาวเมืองได้ตั้งข้อตกลงร่วมกัน 3 ข้อ ว่าจะไม่มีการ “ขาย, เช่า หรือรื้อถอน” บ้านหรือที่ดินใดก็ตามที่คนในท้องถิ่นครอบครองอยู่อย่างเด็ดขาด เพราะต้องการอนุรักษ์บ้านเรือนเหล่านี้ให้ลูกหลานได้สืบต่อไป
Wakihonjin เมือง Tsumago-juku - Japan
อดีตโรงเตี้ยมเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1990 แต่สร้างจำลองให้มีโครงสร้างคล้ายกับสภาพอาคารในยุค ค.ศ. 1830 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของเมืองสึมาโงะที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม หุ่นปั้นจำลองซามูไร ข้าวของเครื่องใช้ และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่ตกทอดมาจากยุคเอโดะ ให้นักท่องเที่ยวได้มาชมกันอย่างสนุกสนาน
Opening Hours: ทุกวัน 9.00 – 17.00 น.
Admission Fee: คนละ 600 เยน (ประมาณ 170 บาท)
เมือง Wanaka ประเทศนิวซีแลนด์ (Wanaka New Zealand)
เมืองเล็ก ๆ ในเขตโอตาโก (Otago) ทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เมืองแห่งทะเลสาบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติรอบทิศทางทั้ง ป่าใหญ่ ภูเขา และทะเลสาบถึง 2 แห่งด้วยกันคือ ทะเลสาบวานากา และทะเลสาบฮาเวีย มีจุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศความเรียบง่ายของผู้คน และความสวยงามของบ้านเรือนริมทะเลสาบที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยียนกันอย่างไม่ขาดสาย มาที่นี่ต้องทานอะไร ต้องทาน Airedale ชีสท้องถิ่นของ Otago ที่ทำจากนมวัว ไขมัน และเต้าหู้ ก่อนจะนำไปเคลือบด้วยขี้ผึ้ง เป็นชีสที่มีเนื้อสัมผัสเรียบเนียน ละลายในปากเหมือนฟองอากาศ มีกลิ่นหอมจากน้ำนม และรสชาติเค็มอมเปรี้ยว นิยมนำไปทานคู่กับไวน์ Zinfandel ซึ่งช่วยชูรสชาติของกันและกันได้เป็นอย่างดี Wanaka แห่ง New Zealand ถือเป็นเมืองน่าเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ การเดินทางจาก Wellington สามารถบินตรงมายัง Queenstown Airport ในเมือง Frankton, Otago ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. จากนั้นใช้เส้นทาง Crown Range Road - State Highway 6 มุ่งหน้ามายัง Wanaka ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที
That Wanaka Tree เมือง Wanaka - New Zealand
สัญลักษณ์ประจำเมือง Wanaka ที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยภาพของต้นไม้ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเพียงต้นเดียวใจกลางทะเลสาบวานากา พร้อมภาพพื้นหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่และท้องฟ้าสีสดใส ถือเป็นจุดหมายในฝันของเหล่าช่างภาพที่อยากจะมาถ่ายรูปกันเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัว นอกจากนี้ริมทะเลสาบยังมีหาดทรายเล็ก ๆ ให้ไปปิกนิกหรือเดินเล่นกันได้ด้วย
Lake Hawea Lookout เมือง Wanaka - New Zealand
จุดชมวิวทะเลสาบฮาเวีย หรือรู้จักกันในอีกชื่อ The Neck จุดชมวิวริมทางที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบวานากาและทะเลสาบฮาเวีย ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งหญ้าริมทางสีเขียวขจีที่สามารถชมวิวทะเลสาบกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา โอบล้อมไปด้วยแนวเทือกเขาสวยราวกับภาพจิตรกรรมชิ้นเอก ใครได้เห็นเป็นต้องตกตะลึงกันทุกราย สมกับการได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวอย่างแท้จริง
สมาชิกบัตรเครดิต KTC เที่ยวไทย เที่ยวต่างประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม / รีสอร์ท จองรถเช่า ประกันการเดินทาง หรือ ปรึกษาข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยว โปรโมชั่นสายการบิน โปรโมชั่นที่พัก ฯลฯ แสนสะดวก ไม่มีค่าธรรมเนียมการรูดบัตร ได้ที่ KTC World Travel Service โทร. 02 123 5050 ให้บริการข้อมูลการเดินทาง จองและวางแผนการเดินทาง (Travel Planner) ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ส่งอีเมล์มาที่ ktcworld@ktc.co.th หรือ สอบถามข้อมูลผ่านช่องทาง LINE: KTC WORLD และ Facebook : KTC WORLD Community
ตรวจสอบโปรโมชั่น / สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC ที่ KTC WORLD TRAVEL SERVICE คลิก
อ่านเรื่องราวการท่องเที่ยวอื่นๆเพิ่มเติม
