1.
โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหลักด้านบัตรเครดิต ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจร้านค้ารับบัตร การให้บริการรับชำระเงินแทน และธุรกิจสินเชื่อบุคคล ซึ่งครอบคลุมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน นอกจากนี้ เพื่อให้บริษัทมีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคม บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรซึ่งครอบคลุมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ และธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างยั่งยืน
2.
ธุรกิจหลักของบริษัทคืออะไร
บริษัทดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภครายย่อย แบ่งเป็น สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน อาทิ ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล รวมถึงสินเชื่อที่มีหลักประกัน อาทิ สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เป็นต้น บริษัทมีพอร์ตลูกหนี้รวม ลูกหนี้บัตรเครดิต ลูกหนี้สินเชื่อบุคคล และลูกหนี้ตามสัญญาเช่า ณ ไตรมาส 1 ปี 2568 ตามกราฟด้านล่าง
3.
แหล่งที่มาของรายได้
5.
แหล่งที่มาของเงินกู้ยืม และ ภาระผูกพันในการก่อหนี้
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 56,461 ล้านบาท (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) แบ่งสัดส่วนโครงสร้างแหล่งเงินทุนเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) 32% และเงินกู้ยืมระยะยาว 68% เคทีซีมีแหล่งที่มาของเงินกู้ยืมที่หลากหลาย ทั้งจากธนาคารพาณิชย์ไทย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกัน และกองทุนต่าง ๆ โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารกรุงไทยและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 1,790 ล้านบาท สถาบันการเงินอื่น จำนวน 4,500 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 9,500 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 40,297 ล้านบาท
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.58 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 1.83 เท่า และอยู่ระดับต่ำกว่าภาระผูกพัน (Debt Covenants) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 เท่า
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน (Total Short-Term Credit Line) รวมทั้งสิ้นจำนวน 29,755 ล้านบาท (รวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทยจำนวน 18,045 ล้านบาท) กลุ่มบริษัทใช้วงเงินระยะสั้นไปจำนวน 6,260 ล้านบาท ทำให้มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นคงเหลือทั้งสิ้น 23,495 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงไทยคงเหลืออีกจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทมีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 11,000 ล้านบาท
6.
ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของบริษัทเทียบกับอุตสาหกรรม
การขยายตัวของอุตสาหกรรมสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวลง โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากรายได้ของครัวเรือนที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และมีภาระหนี้สูง โดยยอดลูกหนี้บัตรเครดิตของอุตสาหกรรมรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เท่ากับ 460,243 ล้านบาท ลดลง 2.7% (YoY) ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมของอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หดตัวเล็กน้อย 0.7% (YoY) และยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เท่ากับ 472,937 ล้านบาท ลดลง 5.8% (YoY) ขณะที่ยอดลูกหนี้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน มีมูลค่า 376,094 ล้านบาท เติบโต 7.5% (YoY)
เคทีซีมีส่วนแบ่งการตลาดสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าในทุกมิติ ทั้งในด้านลูกหนี้บัตรเครดิตซึ่งเพิ่มเป็น 15.3% จาก 14.6% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มเป็น 13.4% จาก 12.5% และลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) ที่เพิ่มเป็น 6.7% จาก 6.1%
7.
การติดตามหนี้ของบริษัท
บริษัทให้ความใส่ใจกับทุกๆ ขั้นตอนของการดำเนินงาน โดยมีการคัดกรองตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติบัตร รวมถึงบริษัทมีกระบวนการติดตามหนี้ที่ดี อีกทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีความใส่ใจในกระบวนการติดตามหนี้ของบริษัทอยู่เสมอ บริษัทจึงสามารถจัดเก็บหนี้ได้ดีและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี โดยในไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 997 ล้านบาท ลดลง 4.2% (YoY)
8.
คุณภาพสินเชื่อของบริษัทและการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มบริษัท (%NPL) สำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 1.97% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปี 2567 ที่ 1.95% จากคุณภาพหนี้ที่ลดลงของลูกหนี้ตามสัญญาเช่า โดยมี %NPL ของลูกหนี้บัตรเครดิต ลูกหนี้สินเชื่อบุคคล และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าอยู่ที่ 1.21% 2.35% และ 22.94% ตามลำดับ สำหรับค่าเผื่อผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 8,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% (YoY) จากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ โดยมีอัตราค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อ NPL (NPL Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 384.5% เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2567 และ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งมีอัตราที่ 369.3% และ 353.8% ตามลำดับ
สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ %NPL ณ สิ้น ไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 1.58% ลดลงจากสิ้นปี 2567 ที่ 1.64% โดยมีค่าเผื่อผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่ากับ 7,421 ล้านบาท คิดเป็น NPL Coverage Ratio เท่ากับ 449.5% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 413.3% และ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 434.7%
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพียงพอ เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดย Credit Cost ของกลุ่มบริษัทและงบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส 1 ปี 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 6.0% และ 5.7% ตามลำดับ
9.
ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขี้น
10.
นโยบายการจ่ายเงินปันผล
11.
กลยุทธ์ของเคทีซีที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน
กลยุทธ์ของเคทีซีได้นำแนวคิดด้านความยั่งยืนมาบูรณาการกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ พร้อมทั้งพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียและเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างธุรกิจภาคการเงินให้เข้มแข็งนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทดังนี้
มิติเศรษฐกิจ (Better Products and Services)
เคทีซีดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตั้งอยู่บนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เน้นการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิก
มิติสังคม (Better Quality of Life)
เคทีซีพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า ทำให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทได้อย่างเหมาะสม ตรงกับความต้องการและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม นอกจากนี้ เคทีซียังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินเพื่อสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย รวมถึงพัฒนาบุคลากรในองค์กรเพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคม
มิติสิ่งแวดล้อม (Better Climate)
เคทีซีดำเนินธุรกิจควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำด้วยการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
เคทีซีร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
https://www.ktc.co.th/sustainability-development
12.
ประเด็นที่น่าสนใจในปัจจุบัน
➢ เป้าหมายและการเติบโตของบริษัท
➢ แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนของ ธปท. และ ผลกระทบ
เคทีซี ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาวซึ่งมีแนวทางตามประกาศของ ธปท. ที่ 3/2568 เรื่อง การให้สินเชี่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างบทบาทของผู้ให้บริการในการรับผิดชอบลูกค้าตลอดวงจรหนี้อย่างเหมาะสม โดยบริษัทได้มีการพิจารณาให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้และไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร ได้แก่ การเปลี่ยนประเภทหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อบุคคลระยะยาว การขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับลดค่างวด เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้จากลิงก์: https://www.ktc.co.th/about/news/measure
เคทีซีเป็น Non-Bank ในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ภายใต้ชื่อโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยสมาชิกสามารถลงทะเบียนผ่าน https://www.ktc.co.th/khunsoo ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2568
เนื่องจากมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เคทีซีได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านhttps://www.ktc.co.th/en/about/news/earthquake-aid-measures
โดยเคทีซี คาดว่ามูลค่าการช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการต่าง ๆ ข้างต้นจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินการของกลุ่มบริษัทในภาพรวม