1.
โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหลักด้านบัตรเครดิต ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจร้านค้ารับบัตร การให้บริการรับชำระเงินแทน และธุรกิจสินเชื่อบุคคล นอกจากนี้ เพื่อให้บริษัทมีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคม บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรซึ่งครอบคลุมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ และธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างยั่งยืน
2.
ธุรกิจหลักของบริษัท
3.
แหล่งที่มาของรายได้
5.
แหล่งที่มาของเงินกู้ยืม และ ภาระผูกพันในการก่อหนี้
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งและมีการกระจายแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย โดยมีเงินกู้ยืมรวมทั้งสิ้น 55,655 ล้านบาท (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) สัดส่วนโครงสร้างแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 70% และมีเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) ในสัดส่วน 30% เคทีซีมีแหล่งที่มาของเงินกู้ยืมที่หลากหลาย ทั้งจากธนาคารพาณิชย์ไทย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกัน และกองทุนต่าง ๆ โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารกรุงไทยและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 380 ล้านบาท สถาบันการเงินอื่น จำนวน 5,400 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 11,500 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 38,094 ล้านบาท โดยในส่วนของหุ้นกู้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 68% ของเงินกู้ยืมรวมชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความสามารถในการเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากการบริหารโครงสร้างเงินทุนแล้ว กลุ่มบริษัทยังคงเน้นรักษาวินัยทางการเงินที่ดี สะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.51 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับ D/E Ratio 1.64 เท่าในไตรมาส 2/2568 และ 1.78 เท่าในไตรมาส 3/2567 โดยการลดลงนี้มีปัจจัยหลักสองส่วนคือ 1) การสะสมกำไรที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยเสริมสร้างส่วนของผู้ถือหุ้นให้เติบโต และ 2) ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลให้การขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มการกู้ยืมเพื่อนำมาใช้ปล่อยสินเชื่อใหม่มากนัก ทั้งนี้ อัตราส่วน D/E ที่อยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับภาระผูกพัน (Debt Covenant) ที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางการเงิน (Financial Flexibility) ที่สูงในการขยายธุรกิจหรือรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจในอนาคต
ในด้านสภาพคล่อง ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 กลุ่มบริษัทมีวงเงินสินเชื่อระยะสั้นคงเหลือ (Available Credit Line) ที่ยังไม่เบิกใช้ทั้งสิ้น 25,990 ล้านบาท ในขณะที่มีภาระหนี้หุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่สูงกว่าภาระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนด แสดงถึงสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ในระยะสั้นที่อยู่ในระดับต่ำมาก
6.
ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของบริษัทเทียบกับอุตสาหกรรม
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย 9 เดือน ปี 2568 พบว่ามียอดลูกหนี้บัตรเครดิตของอุตสาหกรรมรวม 478,962 ล้านบาท และยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 856,145 ล้านบาท หดตัวลง 1.6% (YoY) และ 0.7% (YoY) ตามลำดับ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของอุตสาหกรรมเท่ากับ 1,645,154 ล้านบาท ขยายตัวเล็กน้อยเพียง 0.1% (YoY) ซึ่งขยายตัวต่ำกว่าปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของเคทีซีที่มีมูลค่า 219,572 ล้านบาท ขยายตัว 3.8% (YoY)
แม้ว่าอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคโดยรวมจะเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เคทีซี ยังคงสร้างผลการดำเนินงานได้ดี โดยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์หลักทุกประเภทในช่วง 9 เดือน ปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดังนี้
- ด้านลูกหนี้บัตรเครดิต: ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% จาก 14.2%
- ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร: ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% จาก 12.9%
- ด้านลูกหนี้สินเชื่อบุคคล: ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.0%
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 เคทีซีมีสมาชิกทั้งสิ้น 3,608,017 บัญชี แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,903,481 บัตร เพิ่มขึ้น 5.3% (YoY) และเคทีซีมีสมาชิกสินเชื่อบุคคลจำนวน 704,536 บัญชี เพิ่มขึ้น 2.5% (YoY)
7.
การติดตามหนี้ของบริษัท
บริษัทให้ความใส่ใจกับทุกๆ ขั้นตอนของการดำเนินงาน โดยมีการคัดกรองตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติบัตร รวมถึงกระบวนการติดตามหนี้ อีกทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีความใส่ใจในกระบวนการติดตามหนี้ของบริษัทอยู่เสมอ โดยใน ไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 1,015 ล้านบาท ลดลง 1.4% (YoY) แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 2.3% (QoQ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการรักษาประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ได้เป็นอย่างดีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายในปัจจุบัน
8.
คุณภาพสินเชื่อของบริษัทและการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
กลุ่มบริษัทสามารถบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนผ่านตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านเครดิตที่ปรับตัวดีขึ้น ดังนี้
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPL) ของกลุ่มบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1.85% จากระดับ 1.93% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อพิจารณางบการเงินเฉพาะกิจการ %NPL อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.57% ลดลงจาก 1.61% ในช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า เป็นผลจากการบริหารจัดการหนี้อย่างเคร่งครัด ทำให้คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการตั้งสำรอง อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL Coverage Ratio) ของกลุ่มบริษัท ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 426.1% จาก 373.3% ในปีก่อนหน้า และสำหรับงบเฉพาะกิจการ อัตราส่วนนี้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นที่ 470.1% จาก 421.9% ในปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการตั้งสำรองด้วยหลักความระมัดระวังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเงินในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท
สำหรับ Credit Cost ของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 3 และ 9 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 5.4% ลดลงจาก 6.1% และ 5.7% ลดลงจาก 6.3% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะเดียวกัน Credit Cost ตามงบเฉพาะกิจการเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลงมาอยู่ที่ 5.4% จาก 5.8% และสำหรับ 9 เดือน ปี 2568 ลดลงเป็น 5.6% จาก 6.1% สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
9.
ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขี้น
10.
นโยบายการจ่ายเงินปันผล
11.
กลยุทธ์ของเคทีซีที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน
เคทีซีได้นำแนวคิดด้านความยั่งยืน ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มาบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เป็นธรรม และโปร่งใส มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์และสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน มุ่งสู่การนำพาองค์กรและประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียดกลยุทธ์และกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท ดังนี้
ความเป็นเลิศด้านธรรมาภิบาล Governance Excellence
ยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดมั่นจริยธรรมทางธุรกิจ สร้างระบบบริหารจัดการความเสี่ยงและระบบบริหารจัดการข้อมูลที่รัดกุมเพื่อรองรับการดำเนินงานและการรายงานอย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
การเติบโตธุรกิจควบคู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม Green Growth
ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมผ่านแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในองค์กรและห่วงโซ่อุปทานผ่านผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการขับเคลื่อนตามนโยบายแห่งชาติที่มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
บริการการเงินที่เป็นธรรม เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่ม Responsible & Inclusive Finance
พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับสังคมไทย พร้อมมุ่งเน้นการผลักดันศักยภาพบุคลากรให้เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับองค์กรและระดับสังคม
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน Digital SD Innovation
ขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างคุณค่า ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันขององค์กรอย่างยั่งยืนในโลกยุคดิจิทัล
ส่งเสริมความยั่งยืนให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร Culture Transformation
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มี “Mindset ด้านความยั่งยืน” ให้ซึมซับอยู่ในทุกกระบวนการทำงานของพนักงานทุกระดับ ผ่านการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดระดับองค์กรและหน่วยธุรกิจ สนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อให้ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของเคทีซีอย่างแท้จริง
เคทีซีร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/sustainability-development
13.
ประเด็นที่น่าสนใจในปัจจุบัน
➢ เป้าหมายและการเติบโตของบริษัท
➢ ทิศทางการเติบโตของ KTC ปี 2569
ในปี 2569 เคทีซีจะขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยยังคงสนับสนุนการเติบโตของ 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบัตรเครดิต และ ธุรกิจสินเชื่อบุคคล พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ด้านการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย เพื่อขยายแหล่งรายได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ด้วยการใช้ข้อมูลและระบบวิเคราะห์ขั้นสูงในการควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ โดยมุ่งรักษาคุณภาพหนี้และความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวเป็นหลัก
➢ แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนของ ธปท. และ ผลกระทบ
เคทีซี ดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางตามประกาศของ ธปท. ที่ 3/2568 เรื่อง การให้สินเชี่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างบทบาทของผู้ให้บริการในการรับผิดชอบลูกค้าตลอดวงจรหนี้อย่างเหมาะสม โดยเคทีซีพิจารณาลูกหนี้แต่ละรายให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้และไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร ตัวอย่างมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ การเปลี่ยนประเภทหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อบุคคลระยะยาว มาตรการลดภาระการเงินโดยเครดิตดอกเบี้ยคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตของลูกหนี้การขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับลดค่างวด เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้ที่ลิงก์ https://www.ktc.co.th/about/news/measure
นอกจากนี้ ในฐานะที่เคทีซีเป็น Non-Bank ในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 เพื่อสนับสนุนลูกหนี้กลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ โดยเมื่อรายได้ฟื้นตัว ก็สามารถปิดจบหนี้ได้ ทั้งนี้ ได้ปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งหมดข้างต้นจะไม่ส่งผลกระทบที่เป็นนัยสำคัญต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท