เข้าสู่ระบบ 
หน้าแรก
บริการ
โปรโมชั่น
จองออนไลน์
กิจกรรม
อัพเดต 10 อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ปี 2022
เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกจัดอันดับโดย EIU ( The Economist Intelligence Unit ) จากคะแนนเต็ม 100 แต่ละประเทศใน 10 อันดับแรกได้คะแนนดังนี้
- เวียนนา 99.1
- โคเปนเฮเกน 98.0
- ซูริก 96.3
- คาลการี 96.3
- แวนคูเวอร์ 96.1
- เจนีวา 95.9
- แฟรงก์เฟิร์ต 95.7
- โทรอนโต 95.4
- อัมสเตอร์ดัม 95.3
- โอซาก้า 95.1
- เมลเบิร์น 95.1
รู้จักเมืองที่น่าอยู่อยู่ที่สุดในโลกกับ KTC WORLD
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 1 : เวียนนา Vienna (ออสเตรีย)
เวียนนาเป็นนครที่มีประชากรในเขตเมืองมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “นครแห่งดนตรี” เนื่องจากมีมรดกทางดนตรีที่สำคัญและยังเป็น "นครแห่งความฝัน" เพราะเป็นบ้านเกิดของนักจิตวิเคราะห์คนแรกของโลกอย่าง "ซีคมุนท์ ฟร็อยท์" นอกจากนี้ยังสวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ พร้อมด้วยแหล่งช็อปปิ้งสุดหรู สวนสาธารณะที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเวียนนามีหลายที่ เช่น พระราชวังเชินบรุนน์. ที่มีจุดเด่นที่ ตัวอาคารใหญ่โต สไตล์โรโคโค (Rococo) ที่มีสีเหลืองอร่ามสะดุดตา ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 1,441 ห้อง หรือ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน หรือ ชเตฟันสโดม ที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ และ กอทิก เป็นต้น นอกจากนี้เวียนนายังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ คมนาคม การศึกษา หลายๆมหาวิทยาลัยในกรุงเวียนนามีทุนเรียนฟรีสำหรับนักศึกษาต่างชาติ จึงไม่แปลกที่เวียนจะอยู่ในอันดับแรกของเมืองที่น่าอยู่ที่สุด
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 2 : โคเปนเฮเกน Copenhagen (เดนมาร์ก)
โคเปนเฮเกนตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลบอลติก เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่โคเปนเฮเกนยังคงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของโลกยุคเก่าและยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งเทพนิยาย" โดยภาพจำของเมืองโคเปนเฮเกนคือ "ย่านนูฮาวน์" ย่านค้าขายที่ริมสองข้างทางนั้นจะเต็มไปด้วยอาคารร้านอาหารคลาสสิคสีสันสดใส เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเช็คอิน นอกจากนี้โคเปนเฮเกนยังมีขนมหวานแสนอร่อย อย่าง Licorice เป็นน้ำตาลที่ทำมาจากรากของต้นชะเอมเทศ หรือช็อกโกแลตขึ้นชื่ออย่าง Galle & Jessen อากาศที่นี่ก็สดชื่นเพราะ มีการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน การสร้างพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ อีกปัจจัยหนึ่งที่อากาศดีและสดชื่นเพราะที่นี่ถือเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่จึงใช้จักรยานเป็นพาหนะ และยังเป็นเมืองอัจฉริยะ เช่น มีที่จอดรถอัตโนมัติ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เมืองโคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก คือ น้ำ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น้ำสะอาดที่สุดในโลก
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 3 : ซูริก Zurich (สวิตเซอร์แลนด์)
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นประเทศในฝันของเหล่านักท่องเที่ยวก็คงจะไม่แปลกนักหากจะติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกด้วย ซูริกก่อตั้งมายาวนานกว่า 2,000 ปี เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของเมืองยุโรปโบราณ สถาปัตยกรรมที่สวยงามและเก่าแก่ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ซูริกเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกคือมีการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้มีนักลงทุนจากต่างประเทศนิยมมาลงทุนที่นี่กลายเป็นประเทศที่ถือได้ว่าร่ำรวยที่สุดในสหภาพยุโรป วิวทิวทัศน์ของเมืองซูริกก็สวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบซูริกหรือย่านเมืองเก่า
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 4 : แคลการี Calgary (แคนาดา)
แคลการีอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแคนาดาเป็นศูนย์กลางผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กสิกรรม และการท่องเที่ยว มีค่าครองชีพที่ต่ำกว่า แวนคูเวอร์และโตรอนโต มีการเก็บภาษีเพียง 5% จากภาษีสินค้าและบริการ และเนื่องจากเป็นศูนย์กลางในการผลิตน้ำมันทำให้มีสถาบันการเงินต่างๆมาลุงทุนจึงส่งผลให้แคลการีมีความเจริญตามมา ผู้คนที่อยู่ที่นี่หายห่วงเรื่องการเดินบนฟุตบาธ เพราะทั้งฟุตบาธและทางจักรยานถูกออกแบบมาอย่างดี การคมนาคมภายในแคลการีก็สะดวกสบาย อีกทั้งค่าแรงขั้นต่ำที่นี่ก็ค่อนข้างสูง ที่สำคัญที่สุดมีการปลูกฝังและรณรงค์ให้เด็กๆเห็นความสำคัญของขยะ สิ่งแวดล้อม และการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อลดมลพิษ จึงทำให้แคลการีกลายเป็นประเทศที่ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ทีสุดในโลก
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 5 : แวนคูเวอร์ Vancouver (แคนาดา)
แวนคูเวอร์เป็นเมืองจุดหมายปลายทางยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว เป็นเมืองที่หลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือรองมาจาก ลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก มีตึกสูง modern อยู่ใจกลางเมือง ส่วนนอกเมืองจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ กิจกรรมของผู้คนที่นี่จะเป็นกิจกรรม outdoor อย่างเช่น hopping, Clubbing , Ski, เดินป่า, ปีนเขา, ชายหาด และการเดินทางไปทุกที่มีรถสาธารณะที่สะดวกสบาย ค่าครองชีพที่นี่ค่อนข้างสูงแต่คุณภาพที่ได้รับกลับมาก็สูงมากเช่นกัน จึงทำให้แวนคูเวอร์ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกด้วย
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 6 : เจนีวา Geneva (สวิตเซอร์แลนด์)
เจนีวามีพรมแดนติดกับฝรั่งเศส ใหญ่เป็นอันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์รองจากซูริค เจนีวาถือเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของโลกอย่างศูนย์กลางทางการเงินและการทูต แลนด์มาร์กของที่เจนีวาคือทะเลสาบที่มีน้ำพุ เจ็ดโด (Jet d’eau) น้ำพุที่สูงถึง 140 เมตร นอกจากนี้ยังมีเมืองเก่าที่สวยงาม บ้านเรือนและอาคารเก่าแก่ มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงภาพวาดเก่าแก่ รวมไปถึงผลงานยุคใหม่ๆ ด้วยวิวทิวทัศน์ อากาศ สถานที่ท่องเที่ยว และความเจิรญรุ่งเรืองของเมืองเจนีวาทำให้ เจนีวาติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 7 : แฟรงก์เฟิร์ต Frankfurt (เยอรมนี)
เยอรมนีเข้ามาติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก กับเมืองแฟรงก์เฟิร์ตเมืองที่รวยทีสุดในกลุ่มสหภาพยุโรป เมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไมน์ มีความเจริญและทันสมัย เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่างตลาดหลักทรัพย์และธนาคารกลางแห่งยุโรป ตอกย้ำความเจริญของแฟรงก์เฟิร์ตในทุกๆปีจะมีงานแสดงสินค้าใหญ่ ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา และที่นี่มีเครื่องดื่มรสเลิศอย่างไวน์แอปเปิ้ลที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก เป็นเมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์มากกว่า 10 แห่ง คนรักพิพิธภัณฑ์จะต้องหลงเสน่ห์แฟรงก์เฟิร์ตอย่างแน่นอน
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 8 : อัมสเตอร์ดัม Amsterdam (เนเธอร์แลนด์)
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยอาคารบ้านเรือนยุคเก่าจะกระจุกอยู่กลางเมือง ส่วนสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่จะกระจายอยู่รอบๆตัวเมือง อัมสเตอร์ดัมยังมีสวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียวอยู่รอบเมือง มีคลองมากกว่า 165 แห่ง มีความยาวกว่า 100 กิโลเมตร จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และอีกสิ่งหนึ่งที่ถ้าพูดถึงอัมสเตอร์ดัมแล้วต้องนึกถึงคือ แวนโก๊ะ หรือ วินเซนต์ แวนโก๊ะ. จิตรกรที่มีชื่อเสียงอันดับโลก สามารถไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ภาพวาดของแวนโก๊ะได้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอแลนด์คือ ทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่ มีดอกทิวลิปหลากหลายชนิด โรแมนติกและสวยงามราวกับภาพวาด อีกหนึ่งสิ่งที่สวยงามของเมืองอัมสเตอร์ดัมคืออาคารบ้านเรือนริมคลอง จะปั่นจักรยานหรือนั่งเรือชมความสวยงามก็ทำให้หลงไหลมนต์เสน่ห์ของอัมสเตอร์ดัมไม่แพ้กัน
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 9 : โทรอนโต Toronto (แคนาดา)
เมืองที่ระบบรถสาธารณะดี เมืองที่สะอาดที่สุด ปลอดภัยทีสุดในอเมริกาเหนือ มีโอกาสทางการศึกษาสูงจึงเป็นเมืองยอดนิยมที่นักเรียนต่างชาตินิยมไปเรียนต่อ ถ้าเทียบกับอเมริกาแล้ว ที่นี่ค่าครองชีพถือว่าถูกกว่าค่อนข้างเยอะ และนอกจากนี้ยังเป็นเมืองแห่งเทศกาลเพราะมีการจัด Event และ Festival เกี่ยวกับศิลปะ ดนตรี การแสดง และอาหารตลอดทั้งปี สถานที่เที่ยวพักผ่อนก็มีทั้งสวนพฤษาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ อาคารบ้านเรือนสมัยเก่าให้ได้ชมหากมาเที่ยวหรืออยู่ที่นี่ที่พักก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะและราคาถูกจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โทรอนโตเองก็เข้ามาติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
เมืองที่น่าอยู่อันดับ 10 : ครองอันดับร่วมกัน โอซากา Osaka (ญี่ปุ่น) และ เมลเบิร์น Melbourne (ออสเตรเลีย)
โอซากา เมืองที่หลายๆคนคุ้นหูและเมืองที่หลายๆคนอาจจะเคยไปเยี่ยมเยียนมาแล้ว เมืองแห่งสีสันและมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ใจกลางของโอซากะแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็น 2 ส่วนคือ คิตะ ( แปลว่า เหนือ) กับ มินามิ ( แปลว่า ใต้) และทั้งสองส่วนนี้เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางมิดตสึจิ คิตะล้อมรอบไปด้วยธุรกิจค้าปลีก ส่วนมินามิเป็นย่านช็อปปิ้ง มีแหล่งบันเทิง และมีป้ายไฟกูลิโกะเป็นแลนด์มาร์กที่หลายๆคนคุ้นตา ญี่ปุ่นรวมถึงโอซากาเองถือเป็นเมืองที่มีการคมนาคมที่สะดวกสบายสามารถเดินทางได้หลายรูปแบบทำให้นี่เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เมืองนี้น่าอยู่ มีอาหารรสชาติอร่อย มีวัด ศาลเจ้าเป็นที่พึ่งทางจิตใจ มีเทศกาลประจำปีที่สวยงามและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ มีสวนสนุก มีสาธารณะ รวมถึงแหล่งการศึกษาที่ดีพร้อม เรียกได้ว่า โอซากาเป็นเมืองที่ครบเครื่องเลยทีเดียว
เมลเบิร์น เป็นรัฐที่เล็กเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย ถึงแม้จะเป็นรัฐเล็กแต่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ เป็นศูนย์กลางที่มีชื่อเสียงทางด้านศิลปวัฒนธรรม การเงิน และการคมนาคม มีสิ่งปลูกสร้างแบบวิกตอเรียผสมผสานกับศิลปะแขนงใหม่ มีค่าครองชีพต่ำ มีความปลอดภัย ผู้คนเป็นกันเอง เป็นเมืองที่สะอาด จึงทำให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพ ชีวิตสูง หลากหลายไปผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลายเมืองยังเต็มไปด้วยศิลปะที่แทรกอยู่ทุกถนน และยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ หากอยากพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ก็มีสถานที่พักผ่อนใจกลางเมืองและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติให้ได้ไป จึงไม่น่าแปลกที่เมลเบิร์นจะครองตำแหน่งเมืองที่น่าอยู่หลายปีมาแล้ว
สมาชิกบัตรเครดิต KTC เที่ยวไทย เที่ยวต่างประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม / รีสอร์ท จองรถเช่า ประกันการเดินทาง หรือ ปรึกษาข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยว โปรโมชั่นสายการบิน โปรโมชั่นที่พัก ฯลฯ แสนสะดวก ไม่มีค่าธรรมเนียมการรูดบัตร ได้ที่ KTC World Travel Service โทร. 02 123 5050 ให้บริการข้อมูลการเดินทาง จองและวางแผนการเดินทาง (Travel Planner) ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ส่งอีเมล์มาที่ ktcworld@ktc.co.th หรือ สอบถามข้อมูลผ่านช่องทาง LINE: KTC WORLD และ Facebook : KTC WORLD Community
ตรวจสอบโปรโมชั่น / สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC ที่ KTC WORLD TRAVEL SERVICE คลิก
อ่านเรื่องราวการท่องเที่ยวอื่นๆเพิ่มเติม
